SOCIAL LAB: ห้องปฏิบัติการทางสังคม แนวทางในการไขปัญหาสังคมที่ซับซ้อน

SOCIAL LAB: ห้องปฏิบัติการทางสังคม แนวทางในการไขปัญหาสังคมที่ซับซ้อน

เรียบเรียงโดย
ศาสตราจารย์ ดร.ทิพวรรณ หล่อสุวรรณรัตน์
รักษาการแทนอธิการบดี

ความเป็นมา

            Zaiid Hassan เขียนหนังสือเรื่อง The Social Lab Revolution: A New Approach to Solving Our Most Complex Challenges (2014) เสนอแนวคิดเรื่องห้องปฏิบัติการทางสังคม (social lab)  ซึ่งเป็นแนวทางใหม่เพื่อใช้แก้ปัญหาความท้าทายของสังคมที่มีความซับซ้อน  โดย Hassan ได้เสนอความเห็นว่าวิธีการแบบเดิมเป็นการใช้แนวคิดการวางแผนแบบบนลงล่าง (top-down planning) และการแก้ไขปัญหาแบบเส้นตรง (linear problem-solving) ซึ่งไม่เพียงพอสำหรับปัญหาในยุคปัจจุบันที่มีความสลับซับซ้อนและเป็นพลวัต เช่น การเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศ  ความยากจน  ผู้สูงอายุ และความเหลื่อมล้ำ   Hassan เสนอวิธีการที่มีความยืดหยุ่น ใช้ความร่วมมือ และมีการทดลอง

            Hussan ตั้งใจใช้คำว่า Social Lab เพื่อให้มีลักษณะตรงกันข้ามกับความหมายของห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ที่คุ้นเคยกัน  การนำคำว่า “สังคม” มาใช้จึงมีโดเมนที่ต่างจากวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ  คำว่าสังคมยังเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลง ซึ่งนำไปสู่กระบวนการที่ต้องอาศัยการรวมกลุ่มของคนหรือสิ่งของ (assemblage)

            เหตุผลในการเสนอแนวคิดเรื่องห้องปฏิบัติการทางสังคมดังกล่าวมาจากแนวคิดของ Hassan ซึ่งมองว่าความท้าทายในโลกนี้มีมากขึ้น อาทิ ความยากจน ความเหลื่อมล้ำ การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ และความพลิกผันบนเวทีโลก ความท้าทายเหล่านี้มีความซับซ้อน มีพลวัตที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาทั้งปัจจัยต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ตัวแสดง และบริบท  ยากที่จะหาทางออกได้ จึงต้องอาศัยแนวทางที่มีความยืดหยุ่นและปรับตัว  

            ห้องปฏิบัติการทางสังคม เป็นการนำผู้มีส่วนได้เสียกลุ่มต่างๆ มาพูดคุยกันเพื่อช่วยกันการรวบรวมข้อมูลของตัวแบบของการแก้ไขปัญหา และนำไปทดสอบในโลกของความเป็นจริง  โดยใช้ข้อมูลมาพัฒนาการแก้ปัญหา และทดสอบอีกครั้งจนประสบผลสำเร็จ

            Hassan ใช้ประสบการณ์นับสิบปีในห้องปฏิบัติการอาหารที่ยั่งยืน (Sustainable Food Lab) ซึ่งต้องการให้ระบบอาหารของโลกมีความยั่งยืนมากขึ้น  ห้องปฏิบัติการนี้จะนำผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจากบริษัท กลุ่ม NGOs และรัฐบาลให้มาร่วมมือกันในการพัฒนาและทดสอบทางแก้ไขปัญหา  ด้วยแนวทางที่เน้นการลงมือทำ และการนำกลุ่มคนมาช่วยกัน (hands on and collective approach) ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแนวปฏิบัติในอุตสาหกรรมอาหาร  นอกจากนี้ห้องปฏิบัติทางสังคมยังบูรณาการงานวิจัยที่แหลมคมโดยใช้หลักวิทยาศาสตร์  ทฤษฎีเครือข่าย (networking theory) และสังคมวิทยาในการอธิบายหลักการสำคัญและการทำงานในห้องปฏิบัติการทางสังคม  โดยใช้ตัวอย่างจากห้องปฏิบัติการสังคมทั่วโลก  Hassan จึงถือเป็นผู้ที่ได้เสนอทางออกในการแก้ปัญหาแบบใหม่ที่มีประสิทธิผล ปฏิบัติได้ และยังเป็นการชี้นำวิสัยทัศน์ใหม่ของการพัฒนาสังคม

ห้องปฏิบัติการทางสังคมคืออะไร

            ห้องปฏิบัติการทางสังคมมีลักษณะที่สำคัญสามประการ (Hassan, 2014) ได้แก่

            1) สังคม (Social) ห้องปฏิบัติการทางสังคมจะยกประเด็นทางสังคมที่เป็นความท้าทาย (เช่น ความยากจน ความยั่งยืน ความเหลื่อมล้ำ และผู้สูงอายุ) มาใช้ในการแก้ปัญหา  และนำตัวแทนที่มาจากหลายกลุ่ม เช่น ภาครัฐ ภาคประชาสังคม นักธุรกิจ และนักวิชาการมาทำงานร่วมกัน  โดยความหลากหลายดังกล่าวจะเป็นหลักประกันว่าทางแก้ปัญหาจะมีหลายมิติและนำผู้ที่เกี่ยวข้องเข้ามามีส่วนร่วมในการแสวงหาทางออกร่วมกัน

            2) การทดลอง (Experimental) ห้องปฏิบัติการจะดำเนินการในลักษณะที่เป็นวัฏจักรที่มีขั้นตอนซ้ำๆ ในการแสวงหาต้นแบบ (prototype) และทดลอง  ห้องปฏิบัติการทางสังคมจะไม่ขึ้นอยู่กับการวางแผนที่ตายตัว  หากแต่จะปรับตัวและเปลี่ยนแปลงตามการป้อนข้อมูลย้อนกลับในโลกของความเป็นจริง  ซึ่งจะทำให้มีการตอบสนองที่ดีกว่าและด้วยวิธีการที่มีประสิทธิผลกว่า

            3) ความเป็นระบบ (Systemic) ห้องปฏิบัติการทางสังคมจะยกประเด็นรากเหง้าของปัญหามากกว่าอาการของปัญหามาใช้ในการเสวนา  ห้องปฏิบัติการทางสังคมเน้นการเปลี่ยนแปลงแบบยั่งยืนและพลิกโฉม (sustainable and transformative change)  โดยทำความเข้าใจกับปัญหาและใช้ค้นหาการพัฒนาระบบที่เกี่ยวข้อง

            สรุป  ห้องปฏิบัติการทางสังคม เป็นการใช้พื้นที่สำหรับการเรียนรู้และทดลอง โดยใช้ประเด็นสังคมจากโลกความเป็นจริงซึ่งเป็นรากเหง้าของปัญหา  โดยต้องการผู้เข้าร่วมในห้องปฏิบัติการที่มีความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์ และความรู้ที่หลากหลาย รวมทั้งมีส่วนร่วมอย่างกระตือรือร้น    ห้องปฏิบัติการทางสังคมจะเอื้อให้หน่วยงานและบุคคลแสดงบทบาทในการเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงและส่งเสริมเรื่องนวัตกรรมทางสังคมที่จะนำมาใช้ในการแก้ไขปัญหา  อาศัยแนวทางที่เน้นการลงมือปฏิบัติและการทำซ้ำๆ  เพื่อสร้างตัวแบบการเปลี่ยนแปลงแบบพลิกโฉมและยั่งยืน