บทบาทของมหาวิทยาลัยในการขจัดความไม่เท่าเทียมกันภายใต้ SDG 10

บทบาทของมหาวิทยาลัยในการขจัดความไม่เท่าเทียมกันภายใต้ SDG 10 (SDG10)

        สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ หรือ นิด้า ด้วยวิสัยทัศน์และพันธกิจที่มุ่งมั่นขับเคลื่อนสู่การเป็นสถาบันสรรค์สร้างทางปัญญาของสังคม สร้างผู้นำเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนในระดับสากล ภายใต้ปรัชญา Wisdom for Sustainable Development สร้างปัญญาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ได้จัดทำโครงการผลิตสื่อความรู้ทางวิชาการเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยในวันนี้ เราจะมาร่วมพูดคุยกันถึงบทบาทของมหาวิทยาลัยในการขจัดความเหลื่อมล้ำ ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG) เป้าหมายที่ 10 คุณไพลิน เชื้อหยก ผู้จัดการโครงการสุขภาพ การสูงอายุ และการเกษียณในประเทศไทย ได้ให้เกียรติมาให้ข้อมูลในประเด็นนี้

ความไม่เท่าเทียมกันภายใต้ SDG 10 กับบทบาทของสถาบันการศึกษา

        คุณไพลิน เชื้อหยก ผู้จัดการโครงการสุขภาพ การสูงอายุ และการเกษียณในประเทศไทย ได้อธิบายว่า SDG 10 หรือเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ มุ่งเน้นการขจัดความไม่เท่าเทียมทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นความเหลื่อมล้ำด้านรายได้ เพศ วัฒนธรรม หรือเชื้อชาติ

        ในฐานะสถาบันการศึกษา มหาวิทยาลัยมีบทบาทสำคัญในการแก้ไขปัญหาความไม่เท่าเทียมผ่าน 3 ประเด็นหลัก ได้แก่:

  1. การเข้าถึงการศึกษา: มหาวิทยาลัยควรเปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถเข้าถึงการศึกษาได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นผู้ด้อยโอกาสหรือผู้ที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล
  2. การยอมรับความหลากหลาย: การส่งเสริมให้เกิดการยอมรับในความหลากหลายของผู้คน ไม่ว่าจะเป็นเพศ อายุ หรือรายได้
  3. ความเป็นนานาชาติ: การสร้างสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมการเรียนรู้ข้ามวัฒนธรรมและภาษา

แนวทางการปฏิบัติของมหาวิทยาลัย

        มหาวิทยาลัยสามารถเข้ามามีส่วนร่วมในการขจัดความไม่เท่าเทียมได้ในหลายแนวทาง:

  • ทุนการศึกษา: การให้ทุนการศึกษาแก่ผู้ที่ขาดแคลนทุนทรัพย์หรือนักศึกษาจากพื้นที่ห่างไกล เพื่อให้พวกเขาเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพ
  • หลักสูตรนานาชาติ: การเปิดสอนหลักสูตรมากกว่าหนึ่งภาษา เช่น หลักสูตรภาษาอังกฤษหรือภาษาจีน เพื่อให้ผู้เรียนจากหลากหลายประเทศสามารถเข้าถึงความรู้ได้โดยไม่มีข้อจำกัดทางภาษา นอกจากนี้ การสร้างความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยในต่างประเทศเพื่อทำวิจัยร่วมกัน ก็เป็นอีกแนวทางในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และทำความเข้าใจความแตกต่างทางวัฒนธรรม
  • นโยบายและมาตรการ: การกำหนดนโยบายที่ชัดเจนเพื่อต่อต้านการเลือกปฏิบัติ เช่น การเปิดรับนักศึกษาและบุคลากรที่เป็นผู้พิการ หรือการให้โอกาสแก่คนจากหลากหลายภูมิหลังทางสังคม

ตัวชี้วัดความสำเร็จ

        ความสำเร็จในการขจัดความไม่เท่าเทียมสามารถวัดผลได้จากตัวชี้วัดที่เป็นรูปธรรม เช่น:

  • จำนวนผู้ได้รับทุนการศึกษา: การเพิ่มจำนวนนักศึกษาที่ได้รับทุนการศึกษาจากกลุ่มรายได้น้อย
  • การเพิ่มความหลากหลายของประชากรในสถาบัน: การรับนักศึกษาจากพื้นที่ห่างไกลหรือจากประเทศที่ด้อยโอกาสมากขึ้น
  • การมีนโยบายสนับสนุน: การมีนโยบายที่ส่งเสริมและให้โอกาสแก่ผู้ที่มีความหลากหลาย รวมถึงการจ้างงานบุคลากรจากทุกกลุ่มอย่างเท่าเทียม

        สรุปและข้อคิดที่น่าฝาก คุณไพลินเน้นย้ำว่า การขจัดความไม่เท่าเทียมเป็นเรื่องที่ทุกคนในสังคมต้องร่วมมือกัน ไม่ใช่เพียงแค่หน้าที่ของมหาวิทยาลัยหรือรัฐบาลเท่านั้น การศึกษาเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยให้ผู้คนมีโอกาสมากขึ้นและสามารถลดความเหลื่อมล้ำในชีวิตได้ การที่มหาวิทยาลัยเปิดโอกาสให้ผู้คนได้เรียนรู้ร่วมกัน จะช่วยให้พวกเขาเข้าใจและเห็นอกเห็นใจกันมากขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนในอนาคต