การพัฒนา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างยั่งยืน
โดย รศ.ดร.ศรัณย์ ศานติศาสน์ คณะพัฒนาการเศรษฐกิจ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า)
สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) มุ่งมั่นขับเคลื่อนสู่การเป็นสถาบันสรรค์สร้างทางปัญญาของสังคม เพื่อสร้างผู้นำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนในระดับสากล ภายใต้ปรัชญา Wisdom for Sustainable Development ในเนื้อหาสาระวันนี้ จะมาพูดคุยถึงแนวทางการพัฒนาพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้มีความยั่งยืน โดยเน้นกรอบการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG) โดยเฉพาะ SDG8: การเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน การเพิ่มผลิตภาพ และการสร้างงานที่มีคุณค่า
บริบทและศักยภาพของพื้นที่
รศ.ดร.ศรัณย์ ศานติศาสน์ กล่าวถึงสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและสังคมในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส) ว่ามีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เนื่องจากประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลามและมีวัฒนธรรมมลายู ทรัพยากรหลักของพื้นที่คือยางพารา ปาล์มน้ำมัน ผลไม้ และทรัพยากรทางทะเล แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ อุตสาหกรรมฮาลาล ซึ่งครอบคลุมทุกมิติของวิถีชีวิตชาวมุสลิม ตั้งแต่อาหาร เครื่องสำอาง ไปจนถึงการท่องเที่ยว เนื่องจากประชากรโลกมุสลิมมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นโอกาสสำคัญในการส่งออกผลิตภัณฑ์ฮาลาลไปยังประเทศที่มีกำลังซื้อสูง เช่น กลุ่มตะวันออกกลาง มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นประเทศที่มีประชากรมุสลิมมากที่สุดในโลก
ความท้าทายในการพัฒนา
แม้จะมีศักยภาพ แต่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ยังคงเผชิญกับความท้าทายที่สำคัญ ได้แก่
- ความยากจนและความเหลื่อมล้ำ: รายได้ต่อหัวประชากรต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศเกือบ 40% และมีครัวเรือนที่มีรายได้น้อยจำนวนมาก
- ปัญหาความไม่สงบ: ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวม ทำให้ภาคเอกชนไม่กล้าเข้ามาลงทุน และยังส่งผลกระทบโดยตรงต่อระบบการศึกษาและสุขภาพ เนื่องจากบุคลากรไม่เพียงพอและโครงสร้างพื้นฐานได้รับความเสียหาย
แนวทางการบูรณาการศาสนาและวัฒนธรรมเพื่อการพัฒนา
รศ.ดร.ศรัณย์ มองว่านโยบายการพัฒนาที่ยั่งยืนในพื้นที่นี้ ควรบูรณาการหลักการทางศาสนาเข้าด้วยกัน โดยเฉพาะ:
- การเงินอิสลาม: ระบบการเงินที่ไม่ใช้ดอกเบี้ย แต่ใช้หลักการแบ่งปันผลกำไร (profit sharing) และห้ามเกี่ยวข้องกับธุรกิจที่ผิดหลักศาสนา (เช่น แอลกอฮอล์ การพนัน) การส่งเสริมการเงินอิสลามจะช่วยดึงดูดเงินออมเข้าสู่ระบบและเป็นแหล่งเงินทุนให้กับธุรกิจขนาดเล็ก (SME)
- ซะกาต (Zakat): การบริจาครายได้ส่วนหนึ่งให้กับผู้ยากไร้และผู้ขัดสนในแต่ละปี ซึ่งเป็นหลักปฏิบัติที่ช่วยลดความเหลื่อมล้ำและบรรเทาภาระของภาครัฐในการแก้ไขปัญหาความยากจน
การลงทุนในทรัพยากรมนุษย์: การศึกษาและสุขภาพ
การพัฒนาที่ยั่งยืนต้องเริ่มต้นจากรากฐานที่แข็งแกร่งของ ทุนมนุษย์ โดยเฉพาะในด้านการศึกษาและสุขภาพ ซึ่งพบว่ามีสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วง:
- การศึกษา: เด็กในพื้นที่ต้องเรียนรู้สองภาษา (ไทยและมลายู) และสองสาย (สามัญและศาสนา) ควบคู่กันไป หากระบบการศึกษาไม่เหมาะสมจะกลายเป็นอุปสรรค นอกจากนี้ ปัญหาความไม่สงบยังส่งผลกระทบต่อทั้งอุปสงค์และอุปทานของการศึกษา ทำให้เยาวชนขาดโอกาส และบุคลากรทางการศึกษาไม่เพียงพอ งานวิจัยชี้ว่าเด็กใน 3 จังหวัดชายแดนมีปีการศึกษาเฉลี่ยต่ำกว่าพื้นที่อื่นในภาคใต้เกือบ 1 ปี
- สุขภาพ: ประชากรประสบปัญหาโรคเรื้อรังสูงขึ้น การเข้าถึงระบบสาธารณสุขในพื้นที่ห่างไกลทำได้ยาก และมีปัญหาขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพในการดูแลรักษาผู้ป่วย
การสร้างสันติภาพที่ยั่งยืนผ่านการมีส่วนร่วม
สันติภาพเป็นปัจจัยสำคัญที่จะนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ภาคส่วนที่เกี่ยวข้องต้องยอมรับใน อัตลักษณ์ และความหลากหลายทางศาสนา เชื้อชาติ และวัฒนธรรมในพื้นที่ โดยมองความแตกต่างให้เป็น โอกาส ไม่ใช่เป็นภัยคุกคาม
การสร้างสันติภาพที่แท้จริงต้องมาจากการ เปิดพื้นที่ ให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นและออกแบบนโยบายตั้งแต่ต้น แทนที่จะถูกกำหนดจากส่วนกลางเพียงอย่างเดียว การทำให้ประชาชนรู้สึกว่าเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการพัฒนาจะช่วยสร้างความไว้ใจและนำไปสู่การแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะการให้โอกาสกับกลุ่มเปราะบาง เช่น เยาวชนที่ว่างงาน หรือผู้ที่ต้องออกจากระบบการศึกษา เพราะเมื่อพวกเขารู้สึกว่ามีคุณค่าและมีอนาคตในพื้นที่ โอกาสที่จะเข้าไปเกี่ยวข้องกับปัญหาความไม่สงบก็จะลดลง
การลงทุน 4 ด้านที่สำคัญเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืน:
- การพัฒนาทุนมนุษย์: เสริมสร้างทักษะการศึกษาและการฝึกอบรมที่สอดคล้องกับเศรษฐกิจท้องถิ่น เช่น การแปรรูปสินค้าเกษตร และธุรกิจฮาลาล
- การลงทุนในเศรษฐกิจฐานราก: ส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์และวิสาหกิจเพื่อสังคม (SE) ที่สะท้อนอัตลักษณ์ของพื้นที่ เช่น งานหัตถกรรมและการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม
- การสร้างพื้นที่สำหรับความโปร่งใสและการมีส่วนร่วม: เปิดเวทีให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมในการออกแบบนโยบาย และสร้างหลักธรรมาภิบาลในการใช้ทรัพยากรภาครัฐ
- การให้ความสำคัญกับศาสนาและวัฒนธรรม: บูรณาการบริบททางศาสนาและวัฒนธรรมเข้ากับนโยบายการพัฒนาอย่างจริงจัง
หากนโยบายการพัฒนาสามารถบูรณาการทุกมิติเข้าด้วยกัน ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม สันติภาพ และวัฒนธรรม โดยให้คนในพื้นที่ได้เข้ามามีส่วนร่วมอย่างแท้จริง ก็จะสามารถนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้ในที่สุด