Authors
รศ.ดร.วิชิต หล่อจีระชุณห์กุล ศ.ดร.ธีรพงษ์ วิกิตเศรษฐ ศ.ดร.จิราวัลย์ จิตรถเวช อาจารย์เกษียณ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์
นโยบายการนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปเสรี เป็นแนวทางหนึ่งที่ทำให้เกิดการแข่งขันระหว่างราคา ณ โรงกลั่น กับราคา CIF ซึ่งเป็นราคานำเข้าของน้ำมันสำเร็จรูป ทำให้สังคมมีทางเลือกในการจัดหาน้ำมันสำเร็จรูปที่มีราคาต่ำที่สุดตามสภาวะตลาดน้ำมัน ในปัจจุบัน ผู้จัดหาน้ำมันสามารถนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปได้ เนื่องจากไม่มีกฎระเบียบที่ห้ามนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูป
ในทางปฎิบัติ การนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปมีปริมาณน้อยมาก ในช่วงปี พ.ศ. 2560-2562 ก่อนการระบาดโควิค-19 มีการนำเข้าน้ำมันเบนซิน Base ULG ร้อยละ 12.15 ของปริมาณจำหน่ายโดยเฉลี่ย และมีการนำเข้าน้ำมันดีเซลร้อยละ 5.27 ของปริมาณจำหน่ายโดยเฉลี่ย ในช่วงปี พ.ศ. 2563-2565 ระหว่างการระบาดของโควิค-19 การนำเข้าน้ำมันเบนซิน Base ULG ลดลงเหลือร้อยละ 7.87 ของปริมาณจำหน่ายโดยเฉลี่ย และการนำเข้าปริมาณน้ำมันดีเซลลดลงเหลือเพียงร้อยละ 1.83 ของปริมาณจำหน่ายโดยเฉลี่ย
บทความนี้มีวัตถุประสงค์ที่จะนำเสนอแนวคิดในการปรับโครงสร้างราคาน้ำมันสำเร็จรูป ตั้งแต่โครงสร้างราคา ณ โรงกลั่น โครงสร้างราคาขายส่ง และโครงสร้างราคาขายปลีก การปรับโครงสร้างราคาน้ำมันที่แต่ระดับ อยู่บนพื้นฐานของแนวคิดที่กำหนดให้โครงสร้างราคาน้ำมันสะท้อนต้นทุนการจัดหาน้ำมันที่แท้จริง ซึ่งจะทำให้ราคาขายปลีกน้ำมันลดลงได้จากระดับราคาปัจจุบันโดยไม่มีการบิดเบือนราคา
การกำหนดราคาน้ำมันสำเร็จรูป ณ โรงกลั่นในโครงสร้างปัจจุบันอยู่ภายใต้แนวคิด import parity ซึ่งเป็นการกำหนดเพดานราคาน้ำมัน ณ โรงกลั่นให้เท่ากับราคานำเข้าน้ำมันสำเร็จรูป เมื่อยังไม่มีโรงกลั่นในประเทศ การสนองความต้องการน้ำมันสำเร็จรูปในประเทศเป็นการจัดหาโดยการนำเข้าจากตลาดน้ำมันที่อยู่ใกล้ประเทศไทยมากที่สุด คือ ตลาด SIMEX ของสิงคโปร์ การนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปเป็นการนำเข้าน้ำมันเบนซินและน้ำมันดีเซล เนื่องจากไม่มีการจำหน่ายน้ำมันสำเร็จรูปแก๊สโซฮอล์และไบโอดีเซลในตลาด SIMEX
ราคานำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปเบนซินและดีเซลคือราคาน้ำมันสำเร็จรูป CIF ซึ่งประกอบไปด้วยราคาน้ำมันสำเร็จรูป MOPS ที่ตลาด SIMEX บวกด้วยค่าขนส่ง (สิงคโปร์ – ศรีราชา) ค่าประกันภัย และค่าสูญเสีย ภายใต้แนวคิด import parity ราคาน้ำมันสำเร็จรูป MOPS ในตลาด SIMEX ค่าขนส่งน้ำมันจากสิงคโปร์มาประเทศไทย ค่าประกันภัย และค่าสูญเสีย จึงถูกกำหนดให้เป็นองค์ประกอบส่วนหนึ่งในโครงสร้างราคา ณ โรงกลั่น ตามที่แสดงในตารางที่ 1
ตารางที่ 1 โครงสร้างราคาน้ำมัน ณ โรงกลั่น
องค์ประกอบ | มติ กบง. เมื่อวันที่ 9 มี.ค. พ.ศ. 2563 |
ราคานำเข้าน้ำมันสำเร็จรูป | ก. ราคาเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก 2 วันย้อนหลัง โดยเบนซิน 95 อ้างอิง MOPS ของเบนซิน 95 ส่วนกลุ่มแก๊สโซฮอล์ อ้างอิง MOPS เบนซิน 91 Non-Oxy ข. ราคาน้ำมันดีเซลหมุนเร็วอ้างอิง = (0.9184 x MOPS Gasoil 10 ppm + 0.0816 x MOPS Gasoil ราคากลางของตลาดภูมิภาคเอเชีย 500 ppm) |
ค่าปรับคุณภาพน้ำมัน | ก. 2.05 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลสำหรับน้ำมันเบนซินออกเทน 95 (0.46 บาท/ลิตร) ข. -0.63 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล สำหรับการผลิตแก๊สโซฮอล์ 91 E10, 95 E20, E85 (-0.14 บาท/ลิตร) ค. 1.57 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล สำหรับการผลิตแก๊สโซฮอล์ 95 E10 (0.35 บาท/ลิตร) ง. น้ำมันดีเซลไม่มีค่าปรับคุณภาพ |
ค่าขนส่ง (สิงคโปร์ – ศรีราชา) สำหรับน้ำมันเบนซินและดีเซล | ใช้อัตรา AFRA ของเรือบรรทุกน้ำมันดิบเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักขนาด VLCC ต่อ LR2 สัดส่วนร้อยละ 60 ต่อ 40 แบบ Long Term Charter |
ค่าขนส่งทางท่อ (ศรีราชา – กรุงเทพฯ) สำหรับน้ำมันเบนซินและดีเซล | ให้เป็นค่าใช้จ่ายตามต้นทุนจริงที่ค่าการตลาด (0.80 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล (0.15 สตางค์/ลิตร) ) |
ค่าประกันภัยสำหรับน้ำมันเบนซินและดีเซล | ร้อยละ 0.084 ของ C&F ของน้ำมันดิบ |
ค่าสูญเสียสำหรับน้ำมันเบนซินและดีเซล | ร้อยละ 0.3 ของ CIF ของน้ำมันดิบ |
ค่าสำรองน้ำมันเพื่อความมั่นคง | 0.68 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล (สำรองน้ำมันดิบที่ร้อยละ 6) (0.15 บาท/ลิตร) |
ค่าปรับอุณหภูมิเป็น 86 องศาฟาเรนไฮน์ | น้ำมันเบนซิน 95 และ 91 อยู่ที่ 0.9814 และ 0.9810 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล (0.22 บาท/ลิตร และ 0.22 บาท/ลิตร) |
ราคา CIF ของน้ำมันสำเร็จรูปที่นำเข้าอาจมีความแตกต่างจากราคา ณ โรงกลั่นที่อ้างอิงราคา CIF ได้ ราคา MOPS เป็นราคาที่ประกาศเป็นรายวันในตลาด SIMEX ถ้ามีการนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปในช่วงเวลาหนึ่ง ราคาน้ำมันสำเร็จรูปก็คือราคา CIF ในช่วงเวลานั้น การกำหนดองค์ประกอบราคาน้ำมันสำเร็จรูปในตารางที่ 1 จึงไม่สอดคล้องกับราคา MOPS ที่ประกาศเป็นรายวัน นอกจากนั้น องค์ประกอบค่าขนส่ง (สิงคโปร์ – ศรีราชา) ค่าประกันภัย และค่าสูญเสีย ในโครงสร้างราคา ณ โรงกลั่นเป็นอัตราที่กำหนดมาจากอัตราในช่วงเวลาหนึ่ง ซึ่งอาจไม่สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงตามสภาวะตลาด จึงเป็นไปได้ที่องค์ประกอบราคาน้ำมันสำเร็จรูป ณ โรงกลั่น บวกกับค่าขนส่ง (สิงคโปร์ – ศรีราชา) ค่าประกันภัย และค่าสูญเสียจะแตกต่างไปจากราคาน้ำเข้าน้ำมันสำเร็จรูป CIF ได้
ในกรณีที่มีการนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปในราคา CIF แล้ว ผู้นำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปจะมีภาระค่าใช้จ่ายอื่นที่กำหนดให้เป็นองค์ประกอบในโครงสร้างราคา ณ โรงกลั่น กล่าวคือ ค่าใช้จ่ายในการปรับคุณภาพน้ำมัน ค่าใช้จ่ายในการสำรองน้ำมัน และค่าปรับอุณหภูมิ
การแข่งขันระหว่างการนำเข้านำมันสำเร็จรูปกับน้ำมันที่กลั่นในประเทศไม่ได้อยู่ที่ความแตกต่างระหว่างราคานำเข้า CIF กับองค์ประกอบราคาที่อ้างอิงจากราคา CIF เท่านั้น แต่อยู่ที่ความแตกต่างของประสิทธิภาพในการบริหารจัดการหลังจากที่ได้นำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปแล้ว การนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปเสรียังเป็นการเปิดทางเลือกให้โรงกลั่นน้ำมันสามารถนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปได้ในบางช่วงเวลา ถ้าการนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปมีต้นทุนการจัดหาที่ต่ำกว่าการนำเข้าน้ำมันดิบมากลั่นเป็นน้ำมันสำเร็จรูปในประเทศในช่วงเวลาดังกล่าว จากสถิติการนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปที่มีปริมาณน้อยในปัจจุบันทำให้พิจารณาได้ว่า การจัดหาน้ำมันสำเร็จรูปที่กลั่นในประเทศโดยเฉลี่ยแล้ว น่าจะมีความคุ้มค่ามากกว่าการนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปหรือมีปัจจัยอื่นที่เป็นอุปสรรคต่อการนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปซึ่งน่าจะศึกษาเพิ่มเติม
องค์ประกอบในโครงสร้างราคาน้ำมัน ณ โรงกลั่นที่สามารถพิจารณาปรับลดได้คือ ค่าปรับคุณภาพน้ำมันและค่าสำรองน้ำมันเพื่อความมั่นคง ในปัจจุบัน มีการกำหนดให้น้ำมันสำเร็จรูปมีมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมที่สูงกว่ามาตรฐานสากล ทำให้เกิดค่าใช้จ่ายในการปรับคุณภาพน้ำมันสำเร็จรูป ถ้าพิจารณากำหนดให้มาตรฐานน้ำมันสำเร็จรูปในประเทศสอดคล้องกับมาตรฐานสากล ก็จะสามารถยกเลิกองค์ประกอบค่าปรับคุณภาพในโครงสร้างราคาน้ำมัน ณ โรงกลั่น ซึ่งจะทำให้ราคาน้ำมันสำเร็จรูป ณ โรงกลั่นลดลงได้และอำนวยความสะดวกในการนำเข้ามากขึ้น
การยกเลิกองค์ประกอบค่าปรับคุณภาพในโครงสร้างราคาน้ำมัน ณ โรงกลั่นสามารถทำได้โดยยกเลิกประกาศกรมธุรกิจพลังงานเรื่อง กำหนดลักษณะและคุณภาพของน้ำมันเบนซิน พ.ศ. 2562 และประกาศกรมธุรกิจพลังงานเรื่อง กำหนดลักษณะและคุณภาพของน้ำมันแก๊สโซฮอล์ พ.ศ. 2562 และประกาศใหม่ให้ลักษณะและคุณภาพของน้ำมันเบนซินและน้ำมันแก๊สโซฮอล์ที่สอดคล้องกับลักษณะและคุณภาพสากล ซึ่งจะลดราคาน้ำมันเบนซิน 95 และแก๊สโซฮอล์ 95 E10 ได้ 0.46 บาท/ลิตร และ 0.35 บาท/ลิตร ตามลำดับได้ทันที มาตรการดังกล่าวจะทำให้ผู้นำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปตามลักษณะและคุณภาพสากลของน้ำมันไม่มีภาระในการปรับคุณภาพน้ำมันเช่นกัน
ค่าใช้จ่ายในการสำรองน้ำมันเพื่อความมั่นคง ไม่ควรนำมาเป็นองค์ประกอบในโครงสร้างราคาน้ำมัน ณ โรงกลั่น การสำรองน้ำมันเพื่อความมั่นคงเป็นมาตรการที่จำเป็นสำหรับประเทศที่ยังต้องพึ่งพิงการนำเข้าน้ำมันดิบ เพื่อสำรองน้ำมันไว้ใช้เมื่อเกิดกรณีฉุกเฉิน แต่ในปัจจุบัน โรงกลั่นน้ำมันในประเทศไทยมีกำลังการกลั่นที่สูงกว่าความต้องการน้ำมันสำเร็จรูป ทำให้ประเทศไทยสามารถเป็นผู้ส่งออกน้ำมันสำเร็จรูปได้ ในช่วงปี พ.ศ. 2560-2562 ก่อนการระบาดโควิค-19 มีการส่งออกน้ำมันเบนซิน ร้อยละ 9.97 ของปริมาณจำหน่ายโดยเฉลี่ย และมีการส่งออกน้ำมันดีเซลร้อยละ 20.35 ของปริมาณจำหน่ายโดยเฉลี่ย
ในช่วงปี พ.ศ. 2563-2565 ระหว่างการระบาดของโควิค-19 การส่งออกน้ำมันเบนซิน ยังคงอยู่ในระดับเดิมแต่ปริมาณจำหน่ายทั้งหมดลดลง ทำให้การส่งออกเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 13.85 ของปริมาณจำหน่ายโดยเฉลี่ย ในทำนองดียวกัน การส่งออกปริมาณน้ำมันดีเซลก็เพิ่มชึ้นเป็นร้อยละ 21.24 ของปริมาณจำหน่ายโดยเฉลี่ย จึงน่าจะมีการทบทวนความจำเป็นที่ต้องสำรองน้ำมันเพื่อความมั่นคง ให้สอดคล้องกับสภาพปัจจุบันที่มีการส่งออกน้ำมันสำเร็จรูป ซึ่งหากยกเลิกการสำรองเพื่อความมั่นคง จะทำให้ราคา ณ โรงกลั่นสำหรับน้ำมันทุกชนิดลดลง 0.15 บาท/ลิตร
โดยสรุป จากมาตรการปรับลักษณะและคุณภาพของน้ำมันเนซินและแก๊สโซฮอล์สอดคล้องกับลักษณะและคุณภาพสากลและยกเลิกการสำรองน้ำมันเพื่อความมั่นคง ราคาน้ำมัน ณ โรงกลั่น สามารถลดลงได้ 0.75 บาท/ลิตรสำหรับน้ำมันเบนซิน 95 ลดลง 0.65 บาท/ลิตรสำหรับแก๊สโซฮอล์ 95 E10 และลดลง 0.15 บาท/ลิตรสำหรับน้ำมันดีเซล ส่วนแก๊สโซฮอล์ 91 E10, 95 E20, และ E85 ราคา ณ โรงกลั่นคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
ประเด็นสำคัญที่ควรพิจารณาแนวคิด Import Parity คือ การใช้ราคา CIF เป็นราคาอ้างอิงในโครงสร้างราคา ณ โรงกลั่น ในปัจจุบัน ประเทศไทยมีความสามารถในการกลั่นน้ำมันสำเร็จรูปสูงกว่าความต้องการในประเทศจนทำให้สามารถส่งออกน้ำมันสำเร็จรูปได้ ราคาน้ำมัน ณ โรงกลั่นจึงควรพิจารณาให้เป็นราคาที่อ้างอิงราคา FOB ในตลาด SIMEX ซึ่งเป็นราคาอ้างอิงสำหรับการส่งออกน้ำมันในประเทศสิงคโปร์ ราคา FOB เป็นราคาที่ผู้ซื้อน้ำมันเป็นผู้รับผิดชอบค่าขนส่งน้ำมัน ค่าประกันภัยและค่าสูญเสีย ซึ่งแตกต่างไปจากราคา CIF ที่ผู้ขายน้ำมันเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมด
การใช้ราคา FOB เป็นราคาอ้างอิงสำหรับราคาน้ำมันสำเร็จรูป ณ โรงกลั่นจะทำให้ราคา ณ โรงกลั่นลดลงเท่ากับค่าขนส่งน้ำมัน ค่าประกันภัยและค่าสูญเสียจากสิงค์โปร์มาศรีราชา การอ้างอิงราคา FOB เป็นราคา ณ โรงกลั่นทำให้การส่งออกน้ำมันสามารถแข่งขันกับราคาส่งออกของตลาด SIMEX ได้ การนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปจะแข่งขันกับน้ำมันที่กลั่นในประเทศได้ยากขึ้น แต่เมื่อพิจารณาในภาพรวม การเปลี่ยนสถานภาพจากผู้นำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปสุทธิเป็นผู้ส่งออกสุทธิ แสดงว่า ประเทศไทยมีน้ำมันมากพอที่จะทำให้สังคมส่วนรวมได้ใช้น้ำมันในราคาที่ต่ำลง
ตารางที่ 2 แสดงโครงสร้างราคาขายส่งของราคาน้ำมันสำเร็จรูป ณ วันที่ 12 ก.ย. พ.ศ. 2566 ซึ่งมีองค์ประกอบดังนี้
ตารางที่ 2 โครงสร้างราคาน้ำมันขายส่ง ณ วันที่ 12 ก.ย. 2566 (บาท/ลิตร)
ประเภทเชื้อเพลิง | ราคา ณ โรงกลั่นฯ | ภาษีสรรพสามิต | ภาษีเทศบาล | กองทุนน้ำมันฯ | กองทุนอนุรักษ์ฯ | ราคาขายส่ง | VAT | รวม |
ULG95 | 25.1280 | 6.5000 | 0.6500 | 9.3800 | 0.0500 | 41.7080 | 2.9196 | 44.6276 |
GASOHOL95 E10 | 24.6501 | 5.8500 | 0.5850 | 2.8000 | 0.0500 | 33.9351 | 2.3755 | 36.3106 |
GASOHOL91 | 24.2095 | 5.8500 | 0.5850 | 2.8000 | 0.0500 | 33.4945 | 2.3446 | 35.8391 |
GASOHOL95 E20 | 24.7469 | 5.2000 | 0.5200 | 0.8100 | 0.0500 | 31.3269 | 2.1929 | 33.5198 |
GASOHOL95 E85 | 27.7565 | 0.9750 | 0.0975 | 0.8100 | 0.0500 | 29.6890 | 2.0782 | 31.7672 |
H-DIESEL B7 | 28.1837 | 5.9900 | 0.5990 | -6.0700 | 0.0500 | 28.7527 | 2.0127 | 30.7654 |
H-DIESEL | 28.1837 | 5.9900 | 0.5990 | -6.0700 | 0.0500 | 28.7527 | 2.0127 | 30.7654 |
H-DIESEL B20 | 28.1837 | 5.9900 | 0.5990 | -6.0700 | 0.0500 | 28.7527 | 2.0127 | 30.7654 |
FO 600 (1) 2%S | 20.6105 | 0.6400 | 0.0640 | 0.0600 | 0.0500 | 21.4245 | 1.4997 | 22.9242 |
FO 1500 (2) 2%S | 19.2389 | 0.6400 | 0.0640 | 0.0600 | 0.0500 | 20.0529 | 1.4037 | 21.4566 |
LPG (BAHT/KILOGRAM) | 22.9817 | 2.1700 | 0.2170 | -4.4508 | 0.0000 | 20.9179 | 1.4643 | 22.3822 |
โครงสร้างราคาขายส่งควรเป็นโครงสร้างราคาที่สะท้อนค่าใช้จ่ายในการจัดหาน้ำมันสำเร็จรูปที่ระดับขายส่ง โดยไม่มีการบิดเบือนราคาและไม่มีค่าใช้จ่ายที่ไม่เกี่ยวข้องกับการจัดหานำมันสำเร็จรูปโดยตรง องค์ประกอบกองทุนอนุรักษ์พลังงานมีวัตถุประสงค์ในการจัดเก็บค่าอนุรักษ์พลังงานจากผู้ใช้น้ำมันทุกรายในอัตรา 0.05 บาทต่อลิตร เพื่อดำเนินโครงการที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์พลังงาน จึงไม่ใช่ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการจัดหาน้ำมันสำเร็จรูปโดยตรง การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานควรเป็นความรับผิดชอบของสังคมส่วนรวม ไม่ใช่เฉพาะผู้ใช้น้ำมัน จึงควรพิจารณาให้มีการจัดทำแผนงานอนุรักษ์พลังงานประจำปีเพื่อของบประมาณมาดำเนินงาน แทนที่จะจัดเก็บจากกองทุนอนุรักษ์พลังงานอย่างที่ปฏิบัติในปัจจุบัน
องค์ประกอบภาษีสรรพสามิตและกองทุนน้ำมันในโครงสร้างราคาน้ำมันขายส่งเป็นองค์ประกอบที่ทำให้เกิดการบิดเบือนของราคาน้ำมันสำเร็จรูป ยกตัวอย่าง เมื่อพิจารณาราคา ณ โรงกลั่น ซึ่งเป็นราคาที่สะท้อนต้นทุนในการจัดหาน้ำมันสำเร็จรูปตามโครงสร้างราคาน้ำมัน ณ โรงกลั่น ราคาน้ำมัน ULG65 ต่ำกว่าราคาน้ำมันดีเซล B7 อยู่ประมาณลิตรละ 3 บาท แต่การจัดเก็บภาษีสรรพสามิตและกองทุนน้ำมันทำให้มีการบิดเบือนราคาน้ำมันขายส่งที่ส่งสัญญานของลำดับค่าใช้จ่ายในการจัดหาน้ำมันที่ไม่ถูกต้อง
ตามกฎกระทรวงที่กำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ 29) พ.ศ. 2565 ภาษีสรรพสามิตสำหรับน้ำมันดีเซล ได้เพิ่มจาก 1.44 บาท/ลิตร เป็น 5.99 บาท/ลิตร ตั้งแต่วันที่ 21 ม.ค. พ.ศ. 2566 แต่มีการใช้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมาชดเชย 6.07 บาท/ลิตร ในขณะที่มีการเก็บเงินกองทุนน้ำมันจากผู้ใช้น้ำมัน ULG95 ลิตรละ 9.38 บาท การจัดเก็บภาษีสรรพสามิตและกองทุนน้ำมันจึงเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ราคาขายส่งน้ำมัน ULG95 สูงกว่าราคาขายส่งน้ำมันดีเซล B7 ประมาณลิตรละ 14 บาท เป็นการแสดงว่า องค์ประกอบกองทุนน้ำมันและภาษีสรรพสามิตทำให้กลุ่มผู้ใช้น้ำมัน ULG95 เป็นผู้อุดหนุนกลุ่มผู้ใช้น้ำมันดีเซล ซึ่งทำให้โครงสร้างราคาขายส่งน้ำมันบิดเบือนไปจากต้นทุนการจัดหาน้ำมันที่แท้จริง จึงสมควรพิจารณาทบทวนวัตถุประสงค์ในการกำหนดองค์ประกอบกองทุนน้ำมันและภาษีสรรพสามิต
องค์ประกอบกองทุนน้ำมัน
วัตถุประสงค์ของ พรบ. กองทุนน้ำมันคือการรักษาเสถียรภาพระดับราคาน้ำมัน ไม่ใช่การอุดหนุนราคาน้ำมัน จึงควรพิจารณากำหนดมาตรการการรักษาเสถียรภาพราคาที่เป็นรูปธรรมโดยไม่มีการอุดหนุนราคาระหว่างกลุ่มผู้ใช้น้ำมัน และพิจารณาให้ความช่วยเหลือผู้ใช้น้ำมันโดยกำหนดกลุ่มเป้าหมายผู้ใช้น้ำมัน และใช้มาตรการช่วยเหลือที่ไม่กระทบต่อโครงสร้างราคาขายปลีกน้ำมันสำเร็จรูปที่สะท้อนต้นทุนการจัดหาที่แท้จริง
องค์ประกอบภาษีสรรพสามิต
นอกจากภาษีสรรพสามิตในโครงสร้างราคาขายส่งน้ำมันจะเป็นแหล่งรายได้หนึ่งของรัฐบาลแล้วองค์ประกอบภาษีสรรพสามิตในโครงสร้างราคาขายส่งในปัจจุบันยังถูกใช้เป็นกลไกอย่างหนึ่งในการอุดหนุนผู้ใช้น้ำมัน เช่น การลดภาษีน้ำมันดีเซล ซึ่งเป็นมาตรการที่ทำให้เกิดการบิดเบือนราคาในโครงสร้างราคาขายส่งน้ำมันในลักษณะเดียวกันกับองค์ประกอบกองทุนน้ำมัน การอุดหนุนน้ำมันดีเซลมีวัตถุประสงค์ที่จะลดค่าขนส่ง ซึ่งทำให้ประชาชนทุกคนได้รับประโยชน์ จึงไม่ควรเป็นภาระของผู้ใช้น้ำมันเบนซิน
แนวทางหนึ่งที่จะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของการอุดหนุนจากการลดภาษีน้ำมันดีเซล คือการกำหนดกลุ่มเป้าหมายผู้ใช้น้ำมันดีเซลที่ให้การอุดหนุน เช่น กลุ่มผู้ใช้น้ำมันดีเซลที่ไม่ใช่รถยนต์ดีเซลนั่งส่วนบุคคล และปรับภาษีรถประจำปีสำหรับรถยนต์ดีเซลนั่งส่วนบุคคลที่ได้รับอานิสงค์จากการอุดหนุน ในอัตราที่เท่ากับเงินที่ได้รับจากการลดภาษีน้ำมันดีเซล
จากจำนวนรถยนต์ดีเซลนั่งส่วนบุคคลจำนวนกว่า 3.6 ล้านคัน ณ สิ้นปี พ.ศ. 2564 เงินชดเชยที่ได้รับ 6 บาท/ลิตร ระยะทางเฉลี่ยของการใช้รถยนต์ประมาณ 20,000 กิโลเมตร/ปี และอัตราการใช้น้ำมันดีเซล 18 กิโลเมตร/ลิตร ภาษีรถยนต์ประจำปีสำหรับรถยนต์ดีเซลนั่งส่วนบุคคลจะประมาณได้เท่ากับ (20,000 กม/ปี x 6.00 บาท/ลิตร)/(18 กม/ลิตร) หรือ 6,666.67 บาท/คัน ซึ่งจะทำให้เก็บรายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 24,000 ล้านบาท มาชดเชยภาระค่าใช้จ่ายการอุดหนุนได้บางส่วน
การกำหนดอัตราภาษีสรรพสามิตในโครงสร้างราคาขายส่งน้ำมันควรเป็นอัตราเดียวสำหรับน้ำมันทุกประเภทซึ่งไม่ทำให้เกิดการบิดเบือนราคาน้ำมันและไม่สูงจนเป็นภาระของผู้ใช้น้ำมัน โดยพิจารณาจัดเก็บภาษีอื่นเพื่อชดเชยรายได้จากภาษีสรรพสามิตที่ลดลง เช่นภาษีคาร์บอน น้ำมันเป็นสินค้าที่ก่อให้เกิดผลเสียต่อสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะการปลดปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญที่ประเทศไทยได้นำเสนอเป้าหมายการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ได้ในอัตราร้อยละ 20 ภายในปี 2570 ต่อที่ประชุมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสมัยที่ 26 ที่ประเทศสกอต์แลนด์ (COP26)
รัฐบาลควรกำหนดแนวทางในการเก็บภาษีสรรพสามิตที่ชัดเจน ภาษีสรรพสามิตควรเป็นองค์ประกอบภาษีในโครงสร้างราคาน้ำมันขายส่งที่สะท้อนต้นทุนในการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งเป็นแนวทางหนึ่งในการสร้างแรงจูงใจในการลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยอัตราภาษีจะเป็นอัตราที่สะท้อนลำดับของต้นทุนการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก การกำหนดอัตราของน้ำมันแต่ละประเภทอยู่กับข้อมูลทางเทคนิคการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกตามประเภทน้ำมันที่เป็นสากล การกำหนดตัวชี้วัดความเสียหายที่เกิดจากการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก และเป้าหมายรายได้จากการจัดเก็บภาษีของรัฐบาล
ตารางที่ 3 เปรียบเทียบอัตราภาษีที่สะท้อนการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกและอัตราสรรพสามิตในปี 2564
ประเภท | อัตราภาษีสรรพสามิต (บาท/ลิตร) | เปลี่ยนแปลง (บาท/ลิตร) | ปริมาณการใช้ (ล้านลิตร/วัน) | ภาษีสรรพสามิตที่เปลี่ยนแปลง (ล้านบาท/วัน) | |
ปัจจุบัน | บนพื้นฐาน CO2e | ||||
ULG | 6.50 | 5.7794 | -0.7206 | 0.79 | -0.57 |
GASOHOL95 E10 | 5.85 | 5.5709 | -0.2791 | 15.27 | -4.26 |
GASOHOL91 | 5.85 | 5.5709 | -0.2791 | 8.21 | -2.29 |
GASOHOL95 E20 | 5.20 | 4.9454 | -0.2546 | 6.27 | -1.60 |
GASOHOL95 E85 | 0.975 | 2.2349 | 1.2599 | 1.29 | 1.63 |
H-DIESEL B7 | 5.990 | 6.6740 | 0.6840 | 41.76 | 28.56 |
H-DIESEL B10 | 5.990 | 6.5543 | 0.5643 | 16.22 | 9.15 |
H-DIESEL | 5.990 | 6.9531 | 0.9631 | 2.08 | 2.00 |
H-DIESEL B20 | 5.990 | 6.1555 | 0.1655 | 3.47 | 0.57 |
FO 600 (1) 2%S | 0.640 | ไม่มีข้อมูล | 0.00 | ||
FO 1500 (2) 2%S | 0.640 | ไม่มีข้อมูล | 0.00 | ||
LPG (บาท/กก.) | 2.170 | – | -2.1700 | 15.30 | -33.20 |
รวม | 0.00 |
โครงสร้างภาษีสรรพสามิตในตารางที่ 3 เป็นตัวอย่างหนึ่งที่มาจากการศึกษาเบื้องต้นโดยคณะผู้เขียนในปี 2564 ที่ประมาณจากข้อมูลการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เป็นสากล ตัวชี้วัดมูลค่าความเสียหายจากการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่อ้างอิงจากพิสัยราคาคาร์บอนเครดิตในตลาดโลก และกำหนดเป้าหมายรายได้จากการเก็บภาษีให้เท่ากับรายได้ที่จัดเก็บจากภาษีสรรพสามิตเดิม ตารางที่ 3 แสดงตัวอย่างหนึ่งของโครงสร้างภาษีสรรพสามิตที่กำหนดให้อัตราภาษีของน้ำมันแต่ละประเภทสะท้อนลำดับของการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก และเป็นอัตราที่ทำให้รายได้จากการจัดเก็บภาษีเท่ากับรายได้ที่จัดเก็บจากภาษีสรรพสามิตเดิม การกำหนดองค์ประกอบภาษีสรรพสามิตในโครงสร้างราคาขายส่งน้ำมันตามแนวทางที่ได้นำเสนอจะทำให้ไม่มีการบิดเบือนในราคาขายส่งน้ำมัน
ราคาเอทานอลและราคาไบโอดีเซล
ณ วันที่ 12 ก.ย. พ.ศ. 2566 ราคาเอทานอล ซึ่งกำหนดไว้ที่ 29.10 บาท/ลิตร และราคาไบโอดีเซล (B100) ซึ่งกำหนดไว้ที่ 32.19 บาท/ลิตร สูงกว่าราคาน้ำมันเบนซิน และราคาน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว ณ โรงกลั่น ดังในตารางที่ 2 จึงน่าจะทบทวนการกำหนดราคาเอทานอลและราคาไบโอดีเซล (B100) ให้สอดคล้องกับราคาน้ำมันด้วย เพื่อลดภาระของผู้ใช้น้ำมัน
โครงสร้างราคาน้ำมันขายปลีกประกอบไปด้วยองค์ประกอบราคาน้ำมันขายส่ง ค่าการตลาด และภาษีมูลค่าเพิ่มของค่าการตลาด ตารางที่ 3 แสดงราคาขายปลีกน้ำมัน ณ วันที่ 12 ก.ย. พ.ศ. 2566 องค์ประกอบของค่าการตลาดของน้ำมันทุกชนิดโดยเฉลี่ยใน กทม. ในช่วง 1-12 ก.ย. พ.ศ. 2566 เท่ากับ 2.38 บาท/ลิตร ในขณะที่ กบง. มีมติให้มีกำหนดค่าการตลาดในภาพรวม โดยให้ค่าการตลาดเฉลี่ยของน้ำมันทุกประเภทเท่ากับ 2.00 บาท/ลิตร ทำให้ค่าการตลาดโดยเฉลี่ยในปัจจุบันสูงกว่าอัตราที่กำหนดโดยมติ กบง. ลิตรละ 38 สตางค์ การปรับค่าการตลาดเฉลี่ยให้มีอัตรา 2.00 บาท/ลิตร ตามมติ กบง. จะทำให้ราคาขายปลีกของน้ำมันทุกประเภทโดยเฉลี่ยลดลงลิตรละ 38 สตางค์ และภาษีมูลค่าเพิ่มลดลงลิตรละ 2.7 สตางค์รวมเป็นลิตรละ 40.7 สตางค์
ตารางที่ 4 โครงสร้างราคาน้ำมันขายปลีก ณ วันที่ 12 ก.ย. 2566
หน่วย: บาท/ลิตร
ประเภทเชื้อเพลิง | ราคาขายส่ง | ค่าการตลาด | VAT | ราคาขายปลีก |
ULG95 | 44.6276 | 2.6284 | 0.1840 | 47.44 |
GASOHOL95 E10 | 36.3106 | 3.1209 | 0.2185 | 39.65 |
GASOHOL91 | 35.8391 | 3.3093 | 0.2316 | 39.38 |
GASOHOL95 E20 | 33.5198 | 3.5703 | 0.2499 | 37.34 |
GASOHOL95 E85 | 31.7672 | 5.6288 | 0.3940 | 37.79 |
H-DIESEL B7 | 30.7654 | 1.0978 | 0.0768 | 31.94 |
H-DIESEL | 30.7654 | 1.0978 | 0.0768 | 31.94 |
H-DIESEL B20 | 30.7654 | 1.0978 | 0.0768 | 31.94 |
FO 600 (1) 2%S | 22.9242 | |||
FO 1500 (2) 2%S | 21.4566 | |||
LPG (BAHT/KILOGRAM) | 22.3822 | 3.2566 | 0.2280 | 25.87 |
การปรับโครงสร้างน้ำมันตามแนวทางที่ได้นำเสนอ เป็นการปรับโครงสร้างราคา ณ โรงกลั่น การปรับโครงสร้างราคาขายส่ง และการปรับโครงสร้างราคาขายปลีก ที่มีข้อสรุปต่อไปนี้
การปรับโครงสร้างราคา ณ โรงกลั่น
1. ยกเลิกประกาศกรมธุรกิจพลังงานเรื่อง กำหนดลักษณะและคุณภาพของน้ำมันเบนซิน พ.ศ. 2562 และประกาศกรมธุรกิจพลังงานเรื่อง กำหนดลักษณะและคุณภาพของน้ำมันแก๊สโซฮอล์ พ.ศ. 2562 และประกาศใหม่ให้ลักษณะและคุณภาพของน้ำมันเบนซินและน้ำมันแก๊สโซฮอล์ สอดคล้องกับลักษณะและคุณภาพสากลซึ่งจะลดราคาน้ำมันเบนซิน 95 และแก๊สโซฮอล์ 95 E10 ได้ 0.46 บาท/ลิตร และ 0.35 บาท/ลิตร ตามลำดับได้ทันที
2. ยกเลิกค่าใช้จ่ายในการสำรองน้ำมันเพื่อความมั่นคง
การปรับโครงสร้างราคาน้ำมัน ณ โรงกลั่นจะทำให้ราคาน้ำมันลดลงได้ 0.61 บาท/ลิตรสำหรับน้ำมันเบนซิน 95 ลดลง 0.50 บาท/ลิตรสำหรับแก๊สโซฮอล์ 95 E10 0.15 บาท/ลิตรสำหรับน้ำมันดีเซล ส่วนราคา ณ โรงกลั่นสำหรับแก๊สโซฮอล์ 91 E10, 95 E20, E85 ยังคงเป็นราคาเดิม
การปรับโครงสร้างราคาขายส่ง
1. ทบทวนบทบาทของกองทุนน้ำมันที่มีวัตถุประสงค์ในการรักษาเสถียรภาพระดับราคาน้ำมันตามวัตถุประสงค์ โดยไม่ใช้กองทุนน้ำมันในลักษณะที่ทำให้เกิดการอุดหนุนระหว่างกลุ่มผู้ใช้
2. ปรับภาษีสรรพสามิตให้เป็นอัตราเดียวสำหรับน้ำมันทุกประเภทเพื่อไม่มีการบิดเบือนในราคาขายส่งน้ำมัน
3. ปรับเพิ่มอัตราภาษีรถประจำปีสำหรับรถยนต์ดีเซลนั่งส่วนบุคคลสูงขึ้นบนพื้นฐานเงินชดเชยน้ำมันดีเซลที่ได้รับจากการปรับภาษีสรรพสามิตในข้อ 2 โดยประมาณจากระยะทางเฉลี่ยที่ใช้งานต่อปีและอัตราการใช้น้ำมันดีเซลเฉลี่ย กม./ลิตร
4. ศึกษาทบทวนวัตถุประสงค์ในการเก็บภาษีสรรพสามิตให้ชัดเจน โดยปรับแนวคิดการเก็บภาษีสรรพสามิตจากโครงสร้างภาษีปัจจุบันให้สะท้อนต้นทุนในการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก
5. ทบทวนการกำหนดราคาเอทานอล และราคาไบโอดีเซล (B100) ให้สอดคล้องกับราคาน้ำมันด้วย เพื่อลดภาระของผู้ใช้น้ำมัน
การปรับโครงสร้างราคาขายปลีก
การปรับโครงสร้างราคาขายปลีกเป็นการปรับลดค่าการตลาดของน้ำมันทุกประเภทโดยเฉลี่ยให้เท่ากับลิตรละ 2 บาทตามมติ กบง.