Published
NIDA Impacts ฉบับที่ 1 มกราคม – เมษายน 2568
https://nida.ac.th/wp-content/uploads/2025/05/68-01-NIDA-Impacts.pdf
งานวิจัยฉบับเต็ม
https://libdcms.nida.ac.th/thesis6/2563/b210225.pdf
NIDA Impacts ฉบับที่ 1 มกราคม – เมษายน 2568
https://nida.ac.th/wp-content/uploads/2025/05/68-01-NIDA-Impacts.pdf
งานวิจัยฉบับเต็ม
https://libdcms.nida.ac.th/thesis6/2563/b210225.pdf
ขอบเขตการวิจัย
งานวิจัยนี้ศึกษาถึงอัตลักษณ์ของนักพนันชนชั้นกลาง และการสร้างเครือข่ายการสื่อสารของนักพนันหวยใต้ดิน เพื่อทำความเข้าใจปรากฏการณ์การนำเสนอข่าวเกี่ยวกับหวยที่เกี่ยวข้องกับการสร้างอัตลักษณ์ของนักพนันหวยใต้ดินชนชั้นกลางภายใต้ระบบวัฒนธรรมการเสี่ยงโชคในสังคมยุคดิจิทัล สร้างองค์ความรู้เกี่ยวกับการพนันใต้ดิน และสะท้อนให้เห็นปรากฏการณ์การทำธุรกิจนอกระบบและความสัมพันธ์ในเครือข่าย โดยการสัมภาษณ์เจาะลึกกลุ่มตัวอย่าง 15 คน ในจังหวัดนครราชสีมา ประกอบด้วย เจ้ามือรายใหญ่ เจ้ามือรายย่อย คนขายหวย และนักพนันชนชั้นกลาง ที่มีความเชื่อมโยงกันและอยู่ในเครือข่ายหวยใต้ดินมาไม่น้อยกว่า 5 ปี กำหนดเกณฑ์รายได้ที่ 18,000 บาทขึ้นไป และกำหนดนิยามชนชั้นกลางว่าเป็นกลุ่มที่มีฐานะ มีหน้ามีตาทางสังคม มีอาชีพที่มั่นคง สืบทอดกิจการหรือสั่งสมทุนจากบรรพบุรุษ และเป็นกลุ่มที่มีพลังในการขับเคลื่อนประเทศทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม
จากการศึกษาของผู้วิจัย หวยนั้นเป็นสิ่งนำเข้ามาสังคมไทยโดยชาวจีนอพยพก่อนที่จะมีสลากกินแบ่งรัฐบาลในสมัยรัชกาลที่ 5 อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เจริญเติบโตควบคู่กันมาเป็นเงาตามตัวก็คือหวยใต้ดินนับตั้งแต่รัชกาลที่ 6 ซึ่งได้กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของคนไทยจนทุกวันนี้ แม้จะมีความพยายามในยุคของรัฐบาลทักษิณที่จะทำหวยบนดินเพื่อเพิ่มรายได้ให้กับรัฐพร้อมทั้งกวาดล้างเจ้ามือหวยและผู้มีอิทธิพล แต่หวยบนดินก็ไม่ทันได้เกิดขึ้น การศึกษาเชิงลึกเกี่ยวกับอัตลักษณ์ของนักพนันและความสัมพันธ์ในเครือข่ายพนันใต้ดินจึงเป็นความคาดหวังหนึ่งของผู้วิจัย ว่าการสร้างองค์รู้ดังกล่าวจะเป็นประโยชน์ต่อแนวทางในการนำพนันใต้ดินขึ้นมาเป็นพนันบนดินที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตให้ประสบความสำเร็จ
โดยจากข้อมูลเครือข่ายธุรกิจหวยใต้ดินที่ผู้วิจัยศึกษา เครือข่ายธุรกิจหวยใต้ดินเป็นองค์กรที่มีการจัดตั้งอย่างเป็นระบบและยืดหยุ่นในรูปแบบพีระมิดที่ทำให้เกิดเม็ดเงินไหลเวียนในระบบเศรษฐกิจกว้างขวาง ระดับบนสุดคือเจ้ามือใหญ่ อาจคุมระดับจังหวัดหรือบางส่วน ถ้ามีอิทธิพลมากอาจกินพื้นที่มากกว่า 1 จังหวัด รองลงมาระดับ 2 คือเจ้ามือย่อยหรือยี่ปั๊ว ระดับ 3 คือกั๊กหรือคนขายหวย ทำหน้าที่ส่งต่อรายได้จากการขายหวยให้เจ้ามือระดับเหนือขึ้นไปโดยได้ผลตอบแทนเป็นค่าคอมมิชชั่น ระดับ 4 คือคนเดินโพยหรือเอเยนต์รายย่อย ที่มีความสัมพันธ์กับกั๊กหรือยี่ปั๊ว มีหน้าที่เก็บเงินค่าหวยส่งให้กั๊กหรือยี่ปั๊ว อาจได้ค่าจ้างหรือส่วนแบ่งร้อยละ 2-3 ของยอดขาย กรณีที่ในงวดนั้น ๆ มีเลขดัง คนเขียนหวยจะได้รับคำสั่งจากเจ้ามือใหญ่ให้ปิดการขาย ทำให้เจ้ามืออื่น ๆ พลอยทำตามไปด้วย แต่คนเล่นหวยก็อาจจะลองติดต่อซื้อข้ามพื้นที่กับเจ้าอื่นซึ่งถือเป็นการทำการตกลงกันระหว่างเจ้ามือใหญ่ด้วยกัน เงินรายได้จากการขายหวยนี้ ส่วนหนึ่งจะถูกนำไปใช้ในการจ่ายค่าส่วยให้แก่ตำรวจเพื่อให้ได้รับความคุ้มครอง แต่ถึงจ่ายส่วยแล้วก็ไม่ได้รับประกันว่าเจ้ามือ คนเดินโพย คนขายหวย จะไม่ถูกจับ
หวยใต้ดินได้ถือกำเนิด พัฒนาเติบโตจนกลายเป็นรูปแบบวัฒนธรรมที่ไม่สูญสิ้นไป เพราะมีกลไกทางสังคมทำหน้าที่หล่อเลี้ยงไว้ ซึ่งกลไกหนึ่งที่ผู้วิจัยให้ความสำคัญในงานวิจัยนี้ก็คือ “สื่อมวลชน” ที่ทำหน้าที่ทั้งอุ้มชูและส่งเสริมให้วัฒนธรรมการเล่นหวยเฟื่องฟูมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการนำเสนอข่าวเลขเด็ด ข่าวคนมีชื่อเสียงถูกรางวัล เรียกว่าเป็นการกล่อมเกลาให้คนในสังคมมีความหวังความปรารถนาว่าจะมีชีวิตที่ดีขึ้นจากการเสี่ยงโชค
ปัจจุบันด้วยการพัฒนาของเทคโนโลยีการสื่อสารในโลกดิจิทัลมีส่วนให้การเล่นพนันหวยใต้ดินมีความสะดวกมากกว่าในอดีต คนเดินโพยไม่มีความจำเป็นอีกต่อไปแล้ว เพราะคนเล่นหวยกับคนขายหวยและคนขายหวยกับเจ้ามือสามารถติดต่อกันได้อย่างมีอิสระผ่านช่องทาง Line หรือ Messenger ผลการศึกษาอัตลักษณ์ของคนเล่นหวยใต้ดินหรือนักพนันหวยใต้ดินชนชั้นกลางยังพบว่า พวกเขาจะซื้อหวยกับคนสนิทหรือคนรู้จัก ไว้วางใจได้ และมักจะซื้อกับคนขายหวยเจ้าเดิม และแม้ปัจจุบันจะมีหวยออนไลน์เกิดขึ้นแล้ว แต่ก็ยังไม่อาจแทนที่หวยใต้ดินได้ เหตุผลสำคัญคือต้องจ่ายเงินก่อน ขณะที่ถ้าซื้อกับคนขายหวยที่สนิทจะจ่ายทีหลังได้ การเล่นพนันหวยใต้ดินผู้เล่นรู้สึกว่าใช้เงินจำนวนไม่มากและเชื่อว่ามีโอกาสถูกรางวัลมากกว่าการซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล นอกจากนั้นยังสามารถเลือกเลขในใจได้ เช่น เลขที่บ้าน เลขทะเบียนรถ เลขผู้เสียชีวิต เลขเกจิ เลขดังตามที่สื่อนำเสนอ ฯลฯ ซึ่งมักจะได้มาในช่วงใกล้วันหวยออก การซื้อหวยใต้ดินได้กลายเป็นกิจกรรมปกติ ไม่ใช่เรื่องที่ผิดศีลธรรมในความรู้สึกของชนชั้นกลางจนกลายเป็นไลฟ์สไตล์อย่างหนึ่ง ส่วนใหญ่เล่นเพื่อความสนุกสนานและสร้างความสัมพันธ์ร่วมกับผู้อื่น (Social bond) การได้ลุ้นร่วมกันกับคนทั้งประเทศทำให้ไม่เครียด ส่วนกลุ่มเจ้ามือและคนขายหวยที่ได้รายได้เป็นรูปธรรม เจ้ามือใหญ่จะต้องมีเส้นสายกับตำรวจ สร้างอัตลักษณ์ของการเป็นผู้มีอิทธิพลกว้างขวางสามารถคุ้มครองเครือข่ายของตนได้
ข้อเสนอแนะจากงานวิจัย
แม้หวยใต้ดินจะเป็นสิ่งผิดกฎหมาย แต่ก็ไม่ได้สร้างปัญหาสังคมให้กับนักพนันหวยใต้ดินชนชั้นกลางที่มีอำนาจซื้อ อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ และสร้างงานในองค์กรเครือข่ายธุรกิจหวยใต้ดินจำนวนมาก นอกจากนี้ต้องยอมรับว่าหวยใต้ดินเป็นสิ่งยากจะขจัดออกจากสังคมไทยได้ ผู้วิจัยจึงมีข้อเสนอแนะว่า หากรัฐต้องการทำหวยบนดินเพื่อนำรายได้ที่เคยอยู่ใต้ดินมาใช้พัฒนาประเทศ รัฐจำเป็นต้องสร้างเครือข่ายการสื่อสารที่ทันสมัย และตอบโจทย์ชนชั้นกลางได้ไม่น้อยกว่าหวยใต้ดิน
นอกจากนี้ยังต้องมีมาตรการคุ้มครองเยาวชนไม่ให้เข้าถึงการพนันและกลายเป็นปัญหาสังคม
ความเห็นและมุมมองต่องานวิจัยและนโยบายเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์
โดย อาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์: รองศาสตราจารย์ ดร. อัศวิน เนตรโพธิ์แก้ว
งานวิจัยนี้สร้างองค์ความรู้และมุมมองด้านนิเทศศาสตร์โดยเสนอความเป็นจริงในสังคมวัฒนธรรมไทยที่เกิดขึ้นและดำเนินอยู่ หากแต่ไม่ค่อยถูกรับรู้เพราะมีงานศึกษาออกมาน้อย โดยการให้ข้อมูลทั้งในเชิงปัจเจกบุคคลและกลุ่มสังคม ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าภาคเศรษฐกิจของประเทศไม่ได้มีแต่เพียงบนดินที่มองเห็น จับต้องได้ แต่ยังมีที่อยู่ใต้ดินที่มีมูลค่าอีกมหาศาล
หวยคือการพนันแน่นอนไม่ว่าจะถกเถียงอย่างไร ถ้ายอมรับความเป็นจริงที่ว่าหวยใต้ดินเป็นกิจกรรมทางเศรษฐกิจ มันก็เป็นกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่สร้างเงินไหลเวียนภายในประเทศมากมาย แม้ว่าจะไม่มีระบบตรวจสอบ ระบบภาษี แต่มันก็ทำงานของมันได้
เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์
ต้องยอมรับว่าเวลานี้สังคมเกิดความสับสนกันมาก เพราะข้อมูลจากรัฐบาลยังไม่มีความชัดเจน และมีปัญหาในการสื่อสารข้อมูลกับประชาชน ตั้งแต่จุดประสงค์ที่จะผลักดันนโยบายและเป้าหมายที่วางไว้ทางด้านเศรษฐกิจ สัดส่วนของแต่ละพื้นที่ใช้สอยต่าง ๆ นอกเหนือจากกาสิโนที่กำหนดไว้ว่าจะมีสัดส่วนร้อยละ 10 และส่วนจำหน่ายสินค้าและบริการแบรนด์ไทยอีกร้อยละ 10 รวมถึงกลุ่มเป้าหมายของกาสิโนซึ่งควรจะสร้างความกระจ่างว่าเป็นกลุ่มผู้มีกำลังทรัพย์ทั้งชาวต่างชาติ และเศรษฐีไทยที่นำเงินออกไปเล่นกาสิโนนอกประเทศ เป็นต้น “อยากเสนอแนะว่าขณะที่ร่าง พ.ร.บ. สถานบันเทิงครบวงจร ยังอยู่ในขั้นตอนของรัฐสภาซึ่งจะใช้เวลาอีกยาวนานกว่าโครงการจะเกิดขึ้นจริง รัฐบาลควรต้องทำการศึกษาเชิงลึกในทุกด้าน โดยเฉพาะประเด็นที่มีคนหยิบยกขึ้นมาคัดค้านกันมาก เช่น การฟอกเงิน กลุ่มผลประโยชน์สีเทา ผลกระทบทางสังคมต่อเยาวชนและกลุ่มเปราะบาง รวมทั้งข้อสรุปว่ากาสิโนดังกล่าวจะใช้โมเดลใด ลาสเวกัส มาเก๊า หรือสิงคโปร์ เพราะที่จริงแล้ว การทำกาสิโนถูกกฎหมายไม่ใช่เรื่องใหม่และประเทศไทยก็หลีกเลี่ยงที่จะไม่ทำได้ยาก ไม่ช้าไม่นานโครงการนี้ต้องเกิดขึ้น เนื่องจากประเทศเพื่อนบ้านโดยรอบล้วนมีกาสิโนแล้วทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นเมียนมา ลาว กัมพูชา มาเลเซีย แต่โครงการดังกล่าวไม่ควรจะไม่ผ่านด้วยเหตุผลทางการเมือง ฉะนั้นทำอย่างไรที่รัฐบาลจะสามารถสร้างฉันทามติให้เกิดขึ้นในสังคม เช่นเดียวกับที่งานวิจัยนี้ชี้ว่า รัฐจะต้องดำเนินการอย่างจริงจังถ้าจะทำโครงการพนันบนดิน ไม่เช่นนั้นก็จะทำไม่สำเร็จ”