โดย ศ.ดร.ศิวัช พงษ์เพียจันทร์ | ศูนย์วิจัยและพัฒนาการป้องกันและจัดการภัยพิบัติ (นิด้า)
นิด้าดำเนินงานตามวิสัยทัศน์ Wisdom for Sustainable Development ผลิตองค์ความรู้และผู้นำเพื่อความยั่งยืน บทสนทนานี้ชวนมอง SDG 13 (Climate Action) ผ่านมิติที่ “ใกล้ตัว” อย่างฝุ่น PM2.5 และบทบาทของสถาบันอุดมศึกษาในการปิด “ช่องว่างความรู้” เพื่อแปรเปลี่ยนเป็นนโยบายและการปฏิบัติที่ทำได้จริง
SDG 13: กรอบคิดเพื่อรับมือสภาพภูมิอากาศ
SDG 13 เน้นการเตรียมพร้อมและลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งสัมพันธ์กับกิจกรรมมนุษย์ การใช้พลังงาน และโครงสร้างเศรษฐกิจ–สังคม เป้าหมายจึงไม่ได้มีเพียง “การลดการปล่อย” แต่รวมถึง “การปรับตัว” ของเมืองและชุมชนให้เท่าทันความเสี่ยงที่เปลี่ยนเร็ว
PM2.5 กับภูมิอากาศ: ทำให้โลก “ร้อนขึ้น” และ “เย็นลง” ได้ในเวลาเดียวกัน
เมื่อพูดถึงภูมิอากาศ เรามักนึกถึงก๊าซเรือนกระจก แต่ อนุภาคฝุ่น อย่าง PM2.5 ก็มีบทบาทสำคัญและ “ซับซ้อน”
- ผลทำให้ร้อนขึ้น: องค์ประกอบบางชนิดของฝุ่นดูดกลืนรังสี ทำให้เกิดการกักเก็บความร้อนในชั้นบรรยากาศ
- ผลทำให้เย็นลง: อนุภาคเล็ก ๆ ทำหน้าที่เป็น “แกนควบแน่นเมฆ” เพิ่มการก่อตัวของเมฆ ซึ่งสะท้อนรังสีดวงอาทิตย์กลับออกไป
ความสมดุลของสองผลนี้ขึ้นอยู่กับ “องค์ประกอบทางเคมีของฝุ่น” และ “เงื่อนไขอุตุนิยมวิทยา” ในแต่ละพื้นที่และฤดูกาล
ช่องว่างความรู้ที่ต้องเร่งปิด
ประเด็นสำคัญที่ถูกย้ำคือ ข้อมูลเชิงลึกยังไม่พอ โดยเฉพาะในบริบทประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
- เรายังรู้ องค์ประกอบทางเคมีของ PM2.5 ในระดับพื้นที่ไม่มากพอ ว่าชนิดไหนทำให้ร้อน/เย็น และกระจายตัวอย่างไร
- การคาดการณ์ภูมิอากาศจำเป็นต้องมี พารามิเตอร์ด้านเคมีละอองลอย ใส่ในแบบจำลอง เพื่อเพิ่มความแม่นยำ
- ข้อมูลจาก แหล่งกำเนิดหลายภาคส่วน (คมนาคม อุตสาหกรรม เกษตร ครัวเรือน และธรรมชาติ) ยังต้องลงลึกทั้งสัดส่วนและพลวัตตามฤดูกาล
บทบาทของนิด้า: จากห้องเรียนสู่การขับเคลื่อนสังคม
นิด้ามีบทบาทเชิงระบบ ตั้งแต่การผลิตคนจนถึงการออกแบบการเปลี่ยนแปลง
- การเรียนการสอน: บูรณาการประเด็นภูมิอากาศและมลพิษทางอากาศในหลักสูตร สร้างผู้นำที่ “ขับเคลื่อนนโยบายได้จริง”
- วิจัยและข้อมูล: สร้างฐานข้อมูลฝุ่น–ภูมิอากาศเชิงลึก รองรับแบบจำลองการคาดการณ์และการกำหนดมาตรการที่จำเพาะพื้นที่
- บริการวิชาการและความร่วมมือ: ใช้แนวคิด “วิศวกรรมสังคม” เชื่อมมหาวิทยาลัย–รัฐ–เอกชน–ชุมชน ให้แปลงความรู้เป็นแผนปฏิบัติ
ความท้าทายหลัก 3 ประการ
- วิทยาศาสตร์ยังไม่พอ: ต้องลงทุนเก็บข้อมูลองค์ประกอบฝุ่นและเงื่อนไขอุตุนิยมวิทยาในระดับภูมิภาค/จังหวัดอย่างเป็นระบบ
- นโยบายแบบจำเพาะพื้นที่: แหล่งกำเนิดฝุ่นของเชียงใหม่ไม่เหมือนกรุงเทพฯ หรือภูเก็ต มาตรการจึงต้อง “คนละสูตร” ตามบริบท
- ดึงเอกชนร่วมอย่างจริงจัง: จาก CSR เชิงภาพลักษณ์ สู่ โมเดลพึ่งพาเกื้อหนุน (symbiosis) ที่ชุมชนใช้เศษวัสดุเหลือทิ้งจากอุตสาหกรรมสร้างรายได้ ลดของเสีย และลดมลพิษไปพร้อมกัน
ข้อเสนอเชิงปฏิบัติ: ทำอย่างไรให้เกิดผลลัพธ์
- ยกระดับฐานข้อมูล: เก็บตัวอย่าง PM2.5 วิเคราะห์เคมีอย่างต่อเนื่อง และเชื่อมเข้าระบบแบบจำลองคาดการณ์
- ทำแผนจังหวัดเฉพาะทาง: ร่วมกันออกแบบมาตรการที่สอดคล้องแหล่งกำเนิดจริง (คมนาคม/อุตสาหกรรม/เกษตร/ครัวเรือน)
- สร้างพันธมิตรเศรษฐกิจหมุนเวียน: จับคู่โรงงาน–ชุมชน สร้างห่วงโซ่ใช้ซ้ำ/แปรรูป เพิ่มมูลค่าเศษวัสดุ ลดของเสียที่กลายเป็นฝุ่น
- สื่อสารสาธารณะอย่างต่อเนื่อง: ให้ข้อมูลเข้าใจง่าย เพื่อเปลี่ยนพฤติกรรมการเดินทาง การเผา การใช้พลังงานในชีวิตประจำวัน
สรุป
การจัดการ PM2.5 คือ “จิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญ” ของการรับมือภูมิอากาศตาม SDG 13 เพราะแตะได้ทั้งการลดการปล่อยและการปรับตัว ผลลัพธ์จะเกิดขึ้นได้เมื่อวิทยาศาสตร์ ข้อมูล นโยบายเฉพาะพื้นที่ และความร่วมมือภาคส่วนต่าง ๆ เดินไปด้วยกัน—และนี่คือพื้นที่ที่นิด้าสามารถยืนเป็น “ตัวเร่ง” ให้การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นจริง