รองศาสตราจารย์ ดร.อมรรัตน์ อภินันท์มหกุล
คณะพัฒนาการเศรษฐกิจ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์
Email: amornratnida1447@gmail.com
ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา สังคมไทยเกิดเหตุการณ์หลายอย่างที่ทำให้ทุกคนตกตะลึงอย่างคาดไม่ถึง ข่าวที่สำคัญ ๆ น่าจะเป็นข่าวตึก สตง. ถล่มจากเหตุแผ่นดินไหว ตามด้วยข่าวการยักยอกเงินวัดของพระชั้นผู้ใหญ่ในหลายพื้นที่ หากพิจารณาเหตุการณ์ทั้งสอง สิ่งหนึ่งที่เหมือนกันของปัญหาที่เกิดขึ้น คือ การขาดหลักธรรมาภิบาลที่ดี (good governance) ในการกำกับดูแลกิจกรรมทางสังคมและเศรษฐกิจ จนเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายอย่างใหญ่หลวงทั้งต่อชีวิต ทรัพย์สิน และความเลื่อมใสในศาสนา ในที่นี้จึงอยากชวนคุยเรื่องหลักธรรมาภิบาลกับการพัฒนาเศรษฐกิจไทยอย่างยั่งยืน
ธรรมาภิบาลคืออะไร องค์การสหประชาชาติ โดย UNDP ได้นิยามว่า ธรรมาภิบาล หมายถึง ระบบการบริหารจัดการที่ดีที่มีความตอบสนองในการตอบสนองความต้องการของประชาชนในทุกภาคส่วนอย่างครอบคลุม มีความโปร่งใสในการดำเนินงาน โดยมีองค์ประกอบที่สำคัญ 6 ประการ คือ
- ความโปร่งใส (Transparency) หมายถึง การเปิดเผยข้อมูลให้สามารถตรวจสอบได้
- ความรับผิดชอบ (Accountability) หมายถึง ผู้มีอำนาจต้องรับผิดชอบต่อการตัดสินใจ
- ความมีส่วนร่วม (Participation) หมายถึง เปิดโอกาสให้ผู้มีส่วนได้เสียเข้ามามีบทบาทในการดำเนินงาน
- ความเสมอภาค (Equity) หมายถึง การปฏิบัติต่อทุกคนอย่างเป็นธรรม
- หลักนิติธรรม (Rule of Law) หมายถึง การปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด และ
- ประสิทธิภาพและประสิทธิผล (Efficiency & Effectiveness) หมายถึง การใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและได้ผลลัพธ์ที่ดี
ด้วยเหตุนี้ การบริหารกิจการทั้งปวง ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐบาล เอกชน ศาสนา หรือภาคส่วนอื่น ๆ หากมีหลักธรรมาภิบาลในการกำกับดูแลการดำเนินงานแล้ว ย่อมส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development) เพราะธรรมาภิบาลเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยให้แน่ใจได้ว่า การบริหารจัดการทรัพยากรและนโยบายต่าง ๆ จะเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ มีความโปร่งใส และเป็นธรรมแก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย
ในมิติทางเศรษฐศาสตร์ นอกเหนือจากการจัดสรรทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพแล้ว ระบบธรรมาภิบาลที่ดี ทั้งในภาคราชการและธุรกิจเอกชน จะสร้างความน่าเชื่อถือแก่นักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ ช่วยลดความเสี่ยงในการตัดสินใจลงทุนที่ผิด ส่งผลให้เกิดการแข่งขันที่เป็นธรรมและป้องกันการผูกขาด เพิ่มมูลค่าแก่การลงทุนที่มีคุณค่า และเพิ่มการจ้างงานในประเทศ ดังนั้น องค์การสหประชาชาติจึงกำหนดว่า การมีธรรมาภิบาลเป็นเงื่อนไขสำคัญที่จะช่วยให้แน่ใจว่าการพัฒนาประเทศทั้งในมิติสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม จะนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนได้ในระยะยาว
เรื่องธรรมาภิบาลมีรายละเอียดค่อนข้างมาก และคงไม่สามารถอธิบายได้ทั้งหมดภายในพื้นที่กระดาษที่จำกัด ในที่นี้ผู้เขียนอยากเน้นย้ำความสำคัญของการส่งเสริมให้เกิดธรรมภิบาลที่ดีในการบริหารจัดการเบื้องต้น ในสองประการ คือ การเปิดเผยข้อมูล และการให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจากภายนอกหน่วยงาน เข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่มีมูลค่าสูง ที่อาจส่งผลกระทบต่อชุมชน สังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม โดยจำเป็นต้องมีการวางระเบียบ กำหนดหลักเกณฑ์การดำเนินการก่อน ดังนี้
ในส่วนของการเปิดเผยข้อมูล หลักเกณฑ์สำคัญคือ ต้องเป็นการเปิดเผยข้อมูลที่เป็นปัจจุบัน (up-to-date data) ในรูปแบบที่เป็นมาตรฐาน เข้าใจง่าย และเข้าถึงได้โดยผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เพื่อประโยชน์ในการกำกับติดตามการดำเนินงานในขั้นตอนต่างๆ สร้างความเป็นธรรมแก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย ช่วยป้องกันการทุจริตหรือความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น และส่งเสริมให้เกิดการแข่งขันที่เป็นธรรม ดังนั้น จำเป็นต้องมีการกำหนดมาตรฐาน รูปแบบ ระยะเวลา และช่องทางของการเปิดเผยข้อมูลให้ชัดเจน
ในส่วนของการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียนั้น ควรเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เป็นบุคคลภายนอกหน่วยงาน เพื่อให้เกิดมุมมองที่เป็นกลาง ในบริบทที่แตกต่างจากมุมมองของบุคลากรภายในองค์กร บุคคลภายนอกที่จะเข้ามามีส่วนร่วม จึงจำเป็นต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้ความสามารถในกิจกรรมดังกล่าว ตัวอย่างเช่น หากเป็นการกำกับดูแลการใช้จ่าย จำเป็นต้องใช้นักการเงินหรือนักบัญชี ขณะที่กิจกรรมด้านการก่อสร้างจำเป็นต้องอาศัยวิศวกรโยธา วิศวกรโครงสร้าง เป็นต้น ทั้งนี้ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียควรได้เข้าร่วมกิจกรรมในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การวางแผนการดำเนินงาน การตัดสินใจ การกำกับดูแลขณะการดำเนินงาน การทำประชาพิจารณ์ ตลอดจนการประชาสัมพันธ์แจ้งให้ชุมชน และสังคมได้รับรู้เกี่ยวกับกิจกรรมที่เกิดขึ้น ด้วยเหตุนี้ จำเป็นต้องมีการกำหนดหลักเกณฑ์การคัดเลือกผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เข้าร่วมงาน ขอบเขตอำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบ สิทธิในการเข้าถึงข้อมูล การเข้าร่วมประชุม ตลอดจนงบประมาณที่ใช้ในการทำงาน และค่าตอบแทนการทำงาน (หากมี)
การทุจริตคอร์รัปชันเป็นอุปสรรคสำคัญประการหนึ่งที่ทำให้ประเทศไทยไม่สามารถหลุดพ้นจากกับดักประเทศรายได้ปานกลาง และส่งผลต่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน หากเราจะเริ่มต้นโดยส่งเสริมให้มีการเปิดเผยข้อมูล และให้ผู้ที่มีความรู้ความสามารถภายนอกหน่วยงาน ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการกำกับดูแลการดำเนินกิจกรรมของหน่วยงานที่มีผลกระทบต่อสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อมในวงกว้างแล้ว เชื่อว่าจะช่วยป้องกัน และบรรเทาผลกระทบของการทุจริตคอร์รัปชันลง เพิ่มความน่าเชื่อถือและไว้วางใจต่อระบบทางสังคมและเศรษฐกิจของประเทศ ทั้งในสายตาคนไทยและประชาคมโลก