ปัจฉิมนิเทศ 2568 AI กับผู้สำเร็จการศึกษา

ปัจฉิมนิเทศ 2568 AI กับผู้สำเร็จการศึกษา

โดย ศ.ดร.ทิพวรรณ หล่อสุวรรณรัตน์ อธิการบดี
ที่มา Facebook : Tippawan Lorsuwannarat

          พวกเราเคยคิดสงสัยบ้างหรือไม่ว่าทำไมเราพูดถึงกันแต่ AI (Artificial Intelligence) หรือปัญญาประดิษฐ์ ทำไมเราไม่พูดเรื่อง ภูมิปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Wisdom) กันบ้าง

สถานการณ์ AI

          มหาบัณฑิตและดุษฎีบัณฑิตของสถาบันรุ่นนี้ ถือว่าเป็นรุ่น AI (AI generation) ดังนั้น การเรียนรู้ของพวกเราจะไม่สิ้นสุดอยู่ที่ปริญญาที่ได้รับ เมื่อพวกไปอยู่ในโลกการทำงาน พวกเราจะต้องเตรียมพร้อมในการเผชิญกับโลก AI ในอนาคตอันใกล้นี้ บริษัทที่ปรึกษา Pricewater- houseCoopers มีการศึกษาเรื่อง AI และคาดว่า AI จะสร้างผลผลิตถึง $15.7 ล้านล้านล้านเหรียญในเศรษฐกิจโลก ภายในปี 2030 โดย AI จะสามารถสร้างงานใหม่ได้มากถึง 12 ล้านงานในปี 2025 (World Economic Forum) มากกว่างานที่ AI เข้าไปแทนที่ ซึ่งถือเป็นการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 และตลาด AI ในปี 2025 มีมูลค่าประมาณ $243.7 พันล้าน และจะขยายตัวออกไปประมาณ 30% ในทุกปี (Statista, 2025) ดังนั้น AI จึงเป็นสิ่งที่อยู่รอบตัวเรายากที่จะหลีกเลี่ยง

ความสัมพันธ์ระหว่าง AI กับมนุษย์

          AI เป็นเครื่องมือที่ทำงานได้อย่างรวดเร็ว สามารถรองรับกับขนาดของงานเล็กใหญ่โดยไม่มีปัญหาเรื่องประสิทธิภาพหรือคุณภาพการทำงาน (scalability) ส่วนหน้าที่ของมนุษย์คือการใช้สัญชาติญาณ ความเข้าอกเข้าใจต่อบริบทหรือบุคคลที่เกี่ยวข้อง และการใช้วิจารณญาณอย่างมีจริยธรรมในการใช้หรือพิจารณาผลที่ได้จาก AI

          อย่างไรก็ตาม เนื่องจาก AI มีโอกาสทำงานผิดพลาดในหลายเรื่อง ตัวอย่างเช่น เรื่องการจำหน้าคนผิดใน Facebook โดยเฉพาะคนผิวสี หรือกรณีที่ Amazon ได้ใช้ AI มาสกรีนใบสมัครงาน พบว่าเครื่องมือนี้จะชอบใบสมัครของผู้ชายผิวขาวมากกว่าผู้หญิง หรือกรณีรถ Uber ที่ไร้คนขับและใช้ AI แทนได้เกิดอุบัติเหตุชนคนตายทั้งที่เครื่องตรวจจับคนได้แล้ว อันเป็นผลมาจากข้อผิดพลาดของซอฟท์แวร์และเครื่องยนต์ยังไม่ไวพอที่จะหยุดรถได้ทัน หรือกรณีกองทุนบริหารความเสี่ยง Two Sigma ที่ใช้ AI ในการตัดสินใจลงทุนเรื่องหุ้นแต่กลับขาดทุนยับเยินเพราะ AI เรียนรู้ข้อมูลในอดีต แต่ไม่ทราบแนวโน้มในอนาคตที่เกิดจากเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึง เช่น การจลาจลทางการเมือง อุบัติภัยทางธรรมชาติต่าง ๆ ทำให้การตัดสินใจผิดพลาดได้ หรือการใช้ AI ในการให้คำแนะนำในการรักษามะเร็ง ที่ IBM Watson โดย AI พบว่าคำแนะนำของ AI ไม่ปลอดภัยและไม่เหมาะสมสำหรับคนไข้

          ความผิดพลาดของ AI เหล่านี้เป็นผลมาจากหลายปัจจัย เช่น ข้อมูลระหว่างช่วงอบรมให้ AI เรียนรู้ไม่มีคุณภาพพอ AI เรียนรู้จากข้อมูลที่มนุษย์สร้างขึ้น ถ้ามนุษย์ใส่ข้อมูลที่มีอคติ AI ก็พลอยมีอคติไปด้วย นอกจากนี้บางงานถ้ามีความสลับซับซ้อนเกินกว่าที่ AI ถูกฝึก (train) มา หรือข้อจำกัดด้านซอฟท์แวร์ ฮาร์ดแวร์ ซึ่งล้วนมีผลต่อความผิดพลาดที่จะเกิดขึ้นได้
ในที่นี้จึงเสนอให้มีการนำค่านิยมหลัก (core values) ของนิด้ามาประกอบในการใช้ AI โดยค่านิยมหลักของนิด้าคือ WISE หรือ Wisdom (ภูมิปัญญา) Integrity (ความซื่อตรง) Sustainable Impacts (การสร้างผล​กระทบที่ยั่งยืน) Empathy (ความเข้าอกเข้าใจ) เพื่อลดข้อผิดพลาดจากการใช้ AI และทำให้การใช้ AI มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากขึ้น

AI กับภูมิปัญญา (Wisdom)​

          คำแปลของคำว่า intelligence และ wisdom คล้ายกันมาก intelligence แปลว่า ปัญญา ส่วน wisdom แปลว่าภูมิปัญญา Intelligence เป็นความสามารถในการคิด ให้เหตุผล และเข้าใจในเรื่องราวต่าง ๆ เป็นการแสวงหาความรู้และประยุกต์ความรู้ ยิ่งถ้าเป็น AI จะมีความแหลมคมและความรวดเร็ว ในขณะที่ wisdom เป็นความสามารถในการใช้ประสบการณ์ ความรู้เพื่อใช้ในการตัดสินใจและการใช้วิจารณญาณที่สมเหตุสมผล จึงต้องใช้เวลาและความอดทน

          เมื่อได้ผล (output) ออกมาจาก AI แล้ว เราเองต้องใช้ภูมิปัญญาของเราอ่านดูอีกที (oversight) ตัวอย่าง เรื่องการเขียน speech เพื่อใช้ในการทำงาน AI สามารถทำได้อย่างรวดเร็วเพียงเสี้ยววินาทีและเขียนได้อย่างเป็นระบบ แต่ปัญหาคือภาษาที่ AI ใช้บางครั้งมันสวยหรูเลิศจนไม่ใช่สิ่งที่เราจะมาใช้พูดในบริบทของเราได้ หรือบางครั้งผลของ AI อาจมีอคติในบางเรื่องปนไปด้วย เช่น ระบบยุติธรรมของอเมริกาที่มีการให้ AI วิเคราะห์โอกาสที่ผู้ต้องหาจะกระทำความผิดอีกครั้ง ผลแสดงออกมาอย่างอคติว่าคนผิวสีมีโอกาสทำความผิดซ้ำมากกว่าคนผิวขาว ดังนั้นการ oversight ของมนุษย์จึงเป็นเรื่องที่เราต้องใช้ภูมิปัญญา ประสบการณ์ วิจารณญาณ มาใช้ในการตัดสินใจหรือพิจารณาประกอบว่าควรจะเชื่อผลจาก AI มากน้อยเพียงไร

          ในปัจจุบันความสามารถของเครื่องมือ AI ยังไม่สามารถทัดเทียมกับภูมิปัญญาของมนุษย์ได้ทั้งหมด ดังนั้นเราจึงไม่ได้ยินสิ่งที่เป็น Artificial Wisdom (ภูมิปัญญาประดิษฐ์) อย่างไรก็ตาม ถ้าถึงในยุคนั้นแล้ว มนุษย์เราจะทำอะไรกันต่อไปดี?

AI กับความซื่อตรง​ (Integrity)​

          การใช้ AI เราจะต้องมีความโปร่งใสและซื่อตรงในการบอกแหล่งที่มาของข้อมูลในผลงานของเรา​ ไม่ว่าจะเป็นรายงานหรือใน paper เช่น ส่วนทบทวนวรรณกรรม ส่วนวิเคราะห์ข้อมูล หรือส่วนที่ช่วยในการตรวจไวยากรณ์
การมีจริยธรรมในการใช้ AI จะต้องคำนึงถึงสิทธิและเสรีภาพของผู้คนด้วย ดังนั้นจึงไม่ควรใช้ AI ในการเฝ้าติดตามคนที่มีความเห็นต่างทางการเมือง หรือการใช้ข้อมูลที่ไม่เปิดเผยของคนไข้โดยไม่บอกกล่าวกับเจ้าตัว กระทั่งการสร้าง AI deepfakes และเผยแพร่ข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง เพื่อบงการการตัดสินใจของผู้คน เหล่านี้เป็นสิ่งที่ไม่พึงกระทำ

AI กับผลกระทบที่ยั่งยืน​ (Sustainable Impacts)

          AI เป็นเครื่องมือที่ใช้สำหรับช่วยในการวิเคราะห์และช่วยในการหาคำตอบในการพัฒนาอย่างยั่งยืนได้ดี เช่น การใช้ AI ในการลดปัญหาความยากจน โดย AI สามารถระบุรูปแบบหรือพื้นที่ของความยากจน อันจะช่วยในการกำหนดนโยบายลดปัญหาความยากจนได้อย่างมีประสิทธิผลมากขึ้น หรือการใช้ AI สำหรับติดตามการปล่อยคาร์บอนและเสนอกลยุทธ์ในการลดการปล่อยคาร์บอนและการปรับตัวของภูมิอากาศ

AI กับความเข้าอกเข้าใจผู้อื่น (Empathy)

          หากเราสามารถนำเอาความเข้าอกเข้าใจผู้อื่นหรือบริบทอื่นมาผสมผสานกับ intelligence แล้วจะทำให้เราเกิด
ภูมิปัญญา หากเรามีเพียง intelligence แต่ไม่มี empathy จะทำให้เรามีความเย่อหยิ่ง คิดว่าตนเองมีความเหนือกว่าคนอื่น ทั้งในเรื่องความเก่ง ความสามารถ เราจะกลายเป็นศูนย์กลางของจักรวาล และไม่ยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น
การมีความเข้าอกเข้าใจความรู้สึกของผู้อื่น และการมองโลกที่กว้างขึ้น จะทำให้เรามองเห็นว่าในฐานะที่เราเป็นมหาบัณฑิตและดุษฎีบัณฑิตจำเป็นจะต้องเป็นส่วนหนึ่งของการแก้ไขปัญหา และพัฒนาชุมชนที่อยู่รอบตัวเรา นี่จึงจะทำให้ปัญญาที่เราได้มาเป็นพลังที่สร้างสรรค์ สิ่งที่สำคัญไม่ใช่การมีความรู้ มีปัญญาเพียงอย่างเดียวจะต้องมีความเข้าอกเข้าใจกับผู้อื่น โดยเฉพาะคนที่ไม่มีโอกาสเช่นเดียวกับพวกเรา​ ซึ่งจะช่วยให้เราเกิดภูมิปัญญาได้อย่างแท้จริง

          จึงขอฝากมหาบัณฑิตและดุษฎีบัณฑิตทุกท่านซึ่งเป็นบัณฑิตในยุคสมัย AI ได้นำค่านิยมหลักของสถาบัน WISE ไปใช้ในการนำ AI ไปใช้เพื่อให้เกิดประโยชน์กับตนเอง ชุมชน และสังคมต่อไป