การเตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ในบริบทของพัฒนบริหารศาสตร์

การเตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ในบริบทของพัฒนบริหารศาสตร์ (SDG 13)

โดย ศ.ดร.จำลอง โพธิ์บุญ อาจารย์ประจำคณะบริหารการพัฒนา และ ศ.ดร.วิสาขา ภู่จินดา รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและบริการวิชาการ

นิด้ายึดวิสัยทัศน์ Wisdom for Sustainable Development สร้างองค์ความรู้และผู้นำเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน บทสนทนานี้ถอดบทเรียนสำคัญเกี่ยวกับ SDG 13: Climate Action และวิธีแปลงแนวคิดสากลให้เป็นการปฏิบัติได้จริง ทั้งในห้องเรียน นโยบายของสถาบัน และการทำงานร่วมกับชุมชน

SDG 13 คืออะไร และทำไมทุกคนต้องพร้อมรับมือ

ศ.ดร.วิสาขา ภู่จินดา อธิบายว่า SDG 13 เน้นการเตรียมพร้อมรับมือและลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งโยงกับพฤติกรรมมนุษย์ การใช้พลังงาน และกิจกรรมทางเศรษฐกิจ เมื่ออุณหภูมิโลกสูงขึ้น ผลกระทบจะแสดงผ่านภัยพิบัติ สุขภาพ และคุณภาพชีวิต จึงต้องวางทั้งมาตรการเชิงป้องกันและการรับมือในหลายมิติ

สาระสำคัญ

  • ตระหนักรู้ผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน สุขภาพ เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม
  • วางแผนเชิงรุก ทั้งการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการปรับตัวของเมือง/ชุมชน

กรอบการขับเคลื่อน: จากสากลสู่ระดับประเทศ

ศ.ดร.จำลอง โพธิ์บุญ ฉายภาพว่า ความร่วมมือระหว่างประเทศด้านสภาพภูมิอากาศดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ประเทศไทยพัฒนาแผนและกลไกภาครัฐหลายระดับเพื่อจัดการเรื่องนี้ ทั้งการลดก๊าซเรือนกระจก การปรับตัว และการบริหารทรัพยากร โดยมีหน่วยงานที่รับผิดชอบชัดเจนและเชื่อมโยงกัน

หัวใจการดำเนินงานในประเทศ

  • แผนระดับชาติและแผนปฏิบัติการด้านสภาพภูมิอากาศ
  • กลไกกำกับติดตามและบทบาทของหน่วยงานเฉพาะทาง
  • การขยายผลสู่ระดับจังหวัด องค์กรท้องถิ่น และภาคีเครือข่าย

บทบาทของนิด้า: จากมหาวิทยาลัยสู่กลไกสังคม

นิด้าไม่ได้ทำแค่ “วิจัย–สอน” แต่ผลักดันการเปลี่ยนแปลงครบวงจร

1) หลักสูตรและห้องเรียน

  • บูรณาการประเด็นสิ่งแวดล้อมและสภาพภูมิอากาศในวิชาหลากหลายคณะ
  • สร้างทักษะคิดเชิงระบบและการออกแบบมาตรการลด/ปรับตัวสำหรับผู้เรียน

2) นโยบายและโครงสร้างภายในสถาบัน

  • นโยบาย “นิด้าเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม” และคณะกรรมการกำกับ
  • การจัดการขยะที่ต้นทางและแยกประเภทอย่างเป็นระบบ
  • จุดรับทิ้ง E-waste เพื่อส่งต่อสู่การจัดการที่ถูกต้อง
  • โครงการ “เก่าของใคร ใหม่ของฉัน” ส่งต่อเสื้อผ้ามือสองให้ผู้ขาดแคลน
  • รวบรวมวัสดุสำนักงาน (เช่น ไส้แม็ก, กระดาษ) เพื่อแปรรูป/นำกลับมาใช้ประโยชน์
  • ทำปุ๋ยหมักจากขยะอินทรีย์ และเริ่มสวนผักออร์แกนิกในพื้นที่มหาวิทยาลัย
  • งดใช้โฟมในร้านค้าภายใน และกำหนดมาตรฐานร้านค้าเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
  • ติดตั้งจุดชาร์จยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และใช้ข้อมูลพลังงานเพื่อบริหารการใช้ไฟฟ้า
  • พัฒนา Smart City / Smart Campus เพื่อติดตามการใช้พลังงาน คุณภาพอากาศ และตัวชี้วัดที่เกี่ยวข้อง

3) ขยายผลสู่ชุมชน

  • ถ่ายทอดความรู้เรื่องคัดแยกขยะ การจัดการของเสีย และความเชื่อมโยงกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
  • ทำงานกับเขตพื้นที่และเครือข่ายท้องถิ่น (เช่น พื้นที่บางกะปิ) พัฒนาโครงสร้างเดินเท้า/เชื่อมต่อการเดินทาง ลดการปล่อยจากการสัญจร
  • ใช้ชุมชนเป็น “ห้องปฏิบัติการทางสังคม” เพื่อออกแบบแผน ลดการปล่อย และสร้างรายได้จากทรัพยากรที่หมุนเวียน

การติดตามผลและตัวชี้วัด

นิด้ากำหนดตัวชี้วัดและระบบติดตาม เช่น จำนวนหลักสูตรด้านสิ่งแวดล้อม การใช้/ประหยัดพลังงาน การเดินทางที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และผลลัพธ์จากความร่วมมือกับภาคีในและนอกมหาวิทยาลัย เพื่อให้เห็นความก้าวหน้าอย่างเป็นรูปธรรม

ผลประโยชน์ที่สังคมได้รับ

  • ทุนมนุษย์: บัณฑิตที่มีความรู้ความเข้าใจเรื่องสภาพภูมิอากาศ พร้อมขับเคลื่อนในหน่วยงานรัฐ เอกชน และท้องถิ่น
  • องค์ความรู้เพื่อการตัดสินใจ: งานวิจัยตั้งแต่ระดับนโยบายถึงระดับพื้นที่ นำไปใช้ได้จริง
  • ความร่วมมือหลายระดับ: อาจารย์และบุคลากรมีบทบาทในคณะ/คณะกรรมการระดับประเทศ เชื่อมผลลัพธ์สู่การปฏิบัติ
  • ผลลัพธ์เชิงพื้นที่: โครงงานและแผนปฏิบัติการระดับจังหวัด/ชุมชน ช่วยลดความเสี่ยงและยกระดับคุณภาพชีวิต

ข้อเสนอเชิงปฏิบัติ: จากวันนี้ที่ “นิด้า” ถึง “ทุกคน”

  • คิดเชิงรุก: วางแผนลดการปล่อยและการปรับตัวควบคู่กัน
  • ใช้ข้อมูลตัดสินใจ: บริหารพลังงาน ขยะ และการสัญจรด้วยข้อมูลจริง
  • ร่วมมือหลายฝ่าย: มหาวิทยาลัย–ท้องถิ่น–เอกชน–ชุมชน เพื่อสร้างผลกระทบกว้าง
  • ลงมือทำเรื่องเล็กให้ต่อเนื่อง: แยกขยะ ใช้ซ้ำ ลดฟุ่มเฟือย เปลี่ยนพฤติกรรมเดินทาง—เล็กแต่ยั่งยืน

สรุป

นิด้าแปลง SDG 13 จากกรอบคิดสากลให้เป็นการปฏิบัติได้จริง ผ่านการเรียนการสอน นโยบายภายใน การวิจัย และการทำงานกับชุมชน ผลที่เกิดขึ้นไม่เพียงลดความเสี่ยงจากสภาพภูมิอากาศ แต่ยังสร้างสังคมที่พร้อมรับมือ เปลี่ยนความท้าทายให้เป็นโอกาส และส่งต่อความยั่งยืนสู่คนรุ่นต่อไป