Authors
รศ.ดร.วิชิต หล่อจีระชุณห์กุล, ศ.ดร.ธีระพงษ์ วิกิตเศรษฐ และ ศ.ดร.จิราวัลย์ จิตรถเวช
การกำหนดราคาน้ำมันสำเร็จรูป ณ โรงกลั่นอยู่ภายใต้แนวคิดของการแข่งขันเสรีที่ไม่มีผู้ใดเป็นผู้กำหนดราคาน้ำมันโดยตรง ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลหรือเอกชนรายใดรายหนึ่ง การกำหนดราคาน้ำมันสำเร็จรูป ณ โรงกลั่นมาจากกลไกราคาในตลาดน้ำมันที่ทำให้ราคาเสนอซื้อและเสนอขายน้ำมันสำเร็จรูปมีความสมดุลกันในแต่ละวัน
ตลาดน้ำมันสำเร็จรูปที่อยู่ใกล้ประเทศไทยมากที่สุดคือตลาด SIMEX ในประเทศสิงค์โปร์ ผู้เสนอขายน้ำมันสำเร็จรูปคือโรงกลั่นในสิงค์โปร์ที่นำเข้าน้ำมันดิบมากลั่นเป็นน้ำมันสำเร็จรูปเพื่อเสนอขายในตลาด ผู้ซื้อน้ำมันคือผู้ใช้น้ำมันในประเทศสิงค์โปร์ และประเทศที่อยู่ในภูมิภาคที่ใกล้กับสิงค์โปร์ รวมทั้งประเทศไทย ราคาตลาดของน้ำมันสำเร็จรูป ณ โรงกลั่นที่กำหนดจากตลาด SIMEX จึงเป็นราคาที่สะท้อนความสมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทานของน้ำมันสำเร็จรูปในแต่ละวัน
ก่อนที่จะมีโรงกลั่นในประเทศไทย เรานำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปจากตลาดสิงค์โปร์ในราคาตลาดของน้ำมันสำเร็จรูป ณ โรงกลั่นที่สิงค์โปร์ ซึ่งเป็นราคานำเข้า CIF ที่ได้รวมค่าขนส่งและค่าประกันน้ำมันสำเร็จรูปจากสิงค์โปร์มาที่ศรีราชา เมื่อมีโรงกลั่นเกิดขึ้นในประเทศไทย ในระยะแรก กำลังการกลั่นน้ำมันในประเทศยังไม่พอที่จะสนองความต้องการใช้น้ำมันในประเทศ จึงยังต้องมีการนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปจากตลาดสิงค์โปร์ในราคา CIF ภายใต้แนวคิดของการแข่งขัน น้ำมันสำเร็จรูปที่กลั่นจากโรงกลั่นในประเทศไทยต้องแข่งขันกับนำมันสำเร็จรูปที่นำเข้าจากสิงค์โปร์ ซึ่งนำไปสู่การอ้างอิงราคา ณ โรงกลั่นในประเทศไทยกับราคานำเข้าน้ำมันสำเร็จรูป CIF ในตลาดสิงค์โปร์ ภายใต้แนวคิดการแข่งขันดังกล่าว ถ้าโรงกลั่นในประเทศขายน้ำมันสำเร็จรูป ณ โรงกลั่นสูงกว่าราคาอ้างอิง ก็จะไม่สามารถแข่งขันได้ ในทางตรงกันข้าม ถ้าโรงกลั่นในประเทศมีต้นทุนการกลั่นที่ต่ำกว่าต้นทุนของโรงกลั่นในสิงค์โปร์ ก็จะสามารถขายน้ำมันสำเร็จรูป ณ โรงกลั่นได้ในราคาที่ต่ำกว่าราคาอ้างอิง CIF ในตลาด SIMEX ซึ่งก็จะได้ผลตอบแทนเพิ่มขึ้น การอิงราคา ณ โรงกลั่นกับราคา CIF ที่ตลาดสิงค์โปร์ (import parity price) จึงเป็นกลไกสำคัญที่เอื้ออำนวยให้มีการแข่งขันในตลาดน้ำมันสำเร็จรูป และทำให้โรงกลั่นในประเทศต้องพัฒนาประสิทธิภาพในการกลั่นให้ทัดเทียมหรือมากกว่าประสิทธิภาพของโรงกลั่นในสิงค์โปร์
นอกจากราคา CIF ที่ได้รวมค่าขนส่ง และค่าประกันภัยน้ำมันสำเร็จรูปจากสิงค์โปร์มาที่ศรีราชา ยังมีองค์ประกอบอีก 3 องค์ประกอบในราคา ณ โรงกลั่น กล่าวคือ
การกำหนดราคา ณ โรงกลั่นในประเทศไทยภายใต้แนวคิด cost plus ไม่มีความเหมาะสมด้วยเหตุผลต่อไปนี้
ในปัจจุบัน โรงกลั่นในประเทศไทยได้มีการขยายกำลังการกลั่นจนสามารถกลั่นน้ำมันสำเร็จรูปได้เกินความต้องการใช้น้ำมันสำเร็จรูปภายในประเทศ จึงสามารถส่งออกน้ำมันสำเร็จรูปได้ ภายใต้แนวคิดของการแข่งขัน การส่งออกน้ำมันสำเร็จรูปจากประเทศไทยเป็นการแข่งขันระหว่างโรงกลั่นในประเทศกับผู้ส่งออกน้ำมันสำเร็จรูปรายอื่น โดยราคาตลาดที่โรงกลั่นในประเทศไทยต้องแข่งขันด้วยยังเป็นราคาตลาด ณ โรงกลั่นในตลาดสิงค์โปร์ แต่จากระบบการค้าเสรีโดยทั่วไปแล้ว ราคาส่งออกของน้ำมันสำเร็จรูปจะเป็นราคา ณ โรงกลั่นแบบ FOB ที่ผู้ซื้อน้ำมันสำเร็จรูปเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการขนส่งเอง ราคาน้ำมันสำเร็จรูป FOB จึงต่ำกว่าราคา CIF เท่ากับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในการขนส่ง การใช้ราคา FOB อ้างอิงราคา ณ โรงกลั่นในประเทศไทยในสภาวะที่กำลังการกลั่นสูงกว่าความต้องการในประเทศจะสะท้อนลักษณะของการแข่งขันในตลาดน้ำมันสำเร็จรูปในปัจจุบัน และจะมีผลทำให้ราคา ณ โรงกลั่นในประเทศไทย ลดลงเท่ากับค่าใช้จ่ายในการขนส่งน้ำมันสำเร็จรูปจากสิงค์โปร์มาศรีราชา
การใช้จ่ายในการปรับคุณภาพน้ำมันสำเร็จรูปในโรงกลั่นไทยให้สูงกว่าคุณภาพในโรงกลั่นในสิงค์โปร์เป็นเรื่องของนโยบายทางมาตรฐานผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการใช้น้ำมันสำเร็จรูป ซึ่งในปัจจุบันได้กำหนดให้มีการปรับกลุ่มน้ำมันเบนซินที่กลั่นในประเทศไทยให้มีคุณภาพสูงกว่าคุณภาพในสิงค์โปร์ ซึ่งควรพิจารณาทบทวนว่า ยังมีความเหมาะสมในสภาวะปัจจุบันที่การเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของราคาน้ำมันดิบทำให้ราคาน้ำมันสำเร็จรูปเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน ถ้ายกเลิกองค์ประกอบการปรับคุณภาพน้ำมันที่กลั่นในประเทศเพื่อให้คุณภาพน้ำมันทัดเทียมกับมาตรฐานของโรงกลั่นสิงค์โปร์ ก็จะทำให้ราคา ณ โรงกลั่นในประเทศลดลงได้ ซึ่งเป็นประเด็นเชิงนโยบายในการชั่งน้ำหนักระหว่างการลดต้นทุนการกลั่นกับการรับมลภาวะจากการใช้น้ำมันที่จะเพิ่มขึ้น
ส่วนค่าใช้จ่ายจากการสำรองน้ำมันไม่ได้เป็นต้นทุนของการกลั่นน้ำมัน แต่เป็นค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในการบริหารความเสี่ยงทางด้านความมั่นคง ไม่ให้เกิดความเสียหายจากกรณีที่เกิดสภาวะการขาดแคลนน้ำมัน ซึ่งสามารถพิจารณาแยกองค์ประกอบดังกล่าวออกมาจากราคา ณ โรงกลั่น และบริหารค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ด้วยทางเลือกอื่น
ค่าการกลั่นที่เรียกกัน คือ Gross Refinery Margin (GRM) เป็นส่วนต่างระหว่างต้นทุนน้ำมันดิบที่โรงกลั่นใช้ในการกลั่นน้ำมันกับรายได้ที่ขายน้ำมันสำเร็จรูปที่กลั่นได้ในราคา ณ โรงกลั่น GRM ยังไม่ใช่กำไรของโรงกลั่น เพราะยังไม่ได้คิดต้นทุนอื่นที่เป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน ค่าเสื่อมราคา ดอกเบี้ยเงินกู้ ฯลฯ และ GRM ไม่ใช่ค่าการกลั่น แต่เป็นกำไรเบื้องต้น
การดำเนินงานของโรงกลั่นสามารถมีได้ทั้งกำไรและขาดทุน ซึ่งขึ้นอยู่กับสภาวะตลาด ในช่วงเวลาที่มีความต้องการน้ำมันสำเร็จรูปเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนกำลังการกลั่นของโรงกลั่นทั้งหมดไม่สามารถสนองตอบได้ทั้งหมด กลไกราคาก็จะทำให้ราคาน้ำมันสำเร็จรูป ณ โรงกลั่นเพิ่มขึ้นจนทำให้โรงกลั่นมีกำไรเพิ่มขึ้น อีกกรณีหนึ่งที่ทำให้โรงกลั่นมีกำไรเพิ่มได้ก็คือสภาวะที่ราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เช่น สถานการณ์วิกฤตพลังงานครั้งแรกในปี ค.ศ. 1973 ที่กลุ่มโอเป็คลดการผลิตน้ำมันดิบ ด้วยเหตุผลทางการเมือง อีกตัวอย่างหนึ่งคือสถานการณ์ปัจจุบัน ที่ราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นจากสภาวะสงครามรัสเซีย-ยูเครน ทำให้ราคาตลาด ณ โรงกลั่นของน้ำมันสำเร็จรูปเพิ่มขึ้นในอัตราที่สูงกว่าอัตราเพิ่มของราคาน้ำมันดิบ ซึ่งทำให้ GRM เพิ่มขึ้นด้วย
ในทางตรงกันข้าม ถ้าความต้องการน้ำมันสำเร็จรูปลดลงจนทำให้ราคาน้ำมันสำเร็จรูป ณ โรงกลั่นลดลงในอัตราที่มากกว่าอัตราลดลงของราคาน้ำมันดิบ GRM ก็จะลดลงและอาจทำให้โรงกลั่นประสบกับภาวะขาดทุนได้
การเก็บภาษีกำไรส่วนเกินในสภาวะที่ทำให้โรงกลั่นมีค่า GRM ที่สูงขึ้น เช่น ในกรณีที่เกิดสภาวะสงครามรัสเซีย-ยูเครน เป็นเรื่องของนโยบาย GRM ยังไม่ได้สะท้อนกำไรสุทธิของโรงกลั่น เพราะยังไม่ได้คิดค่าใช้จ่ายอื่นๆ แต่อาจพิจารณากำหนด ค่าเกณฑ์ (threshold) ของ GRM ในหน่วย บาท/ลิตร ถ้าโรงกลั่นใด มีค่า GRM สูงกว่าค่าเกณฑ์ ส่วนที่เกินจะต้องเสียภาษีในอัตราที่กำหนด ประเด็นที่ควรพิจารณาคือ จะกำหนดค่าเกณฑ์ของ GRM อย่างไร จึงเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
แนวทางการบริหารราคา ณ โรงกลั่นที่เป็นไปได้คือ
ถ้ามีการกำหนดให้ราคา ณ โรงกลั่นคือราคา FOB ที่สิงค์โปร์แต่ยังมีค่าใช้จ่ายในการปรับคุณภาพน้ำมันจะทำให้ราคา ณ โรงกลั่นของน้ำมันสำเร็จรูปโดยเฉลี่ยลดลงประมาณ 1.3043 บาท/ลิตร และถ้ายกเลิกการปรับคุณภาพน้ำมันจะทำให้ราคาน้ำมันเบนซินออกเทน 95 และนำมันเบนซินแก็สโซฮอลสำเร็จรูป ณ โรงกลั่นลดลงได้อีกดังต่อไปนี้ (อัตราแลกเปลี่ยนเท่ากับ 33 บาท/ดอลลาร์สรอ.)
การปฏิรูปโครงสร้างราคาน้ำมันสำเร็จรูป ณ โรงกลั่น
รศ. ดร. วิชิต หล่อจีระชุณห์กุล ศ. ดร. ธีรพงษ์ วิกิตเศรษฐ และ ศ. ดร. จิราวัลย์ จิตรถเวช
อาจารย์เกษียณ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์
แนวคิด Import Parity มีวัตถุประสงค์ที่ต้องการให้โรงกลั่นน้ำมันในประเทศแข่งขันกับการนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูป จึงกำหนดให้ราคา ณ โรงกลั่นเท่ากับราคาน้ำมันสำเร็จรูปที่นำเข้า อาจมีความเหมาะสมในสถานการณ์ที่มีความจำเป็นที่ต้องนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปเพื่อให้ราคานำเข้าเท่ากับราคา ณ โรงกลั่น แต่ในปี 2563 โรงกลั่นน้ำมันในประเทศ มีความสามารถในการกลั่นน้ำมัน 1,244,500 บาร์เรล/วัน และมี Condensateอีก 84,835 บาร์เรล/วัน ซึ่งมากกว่าความต้องการภายในประเทศ 874,009 บาร์เรล/วัน และมีการส่งออกผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม 188,594 บาร์เรล/วัน อุปสงค์รวมส่งออกและอุปทานรวมนำเข้า ได้แสดงไว้ในตารางที่ 1 ซึ่งจะเห็นได้ว่าผลิตภัณฑ์น้ำมันที่ผลิตภายในประเทศซึ่งรวมที่กลั่นจากโรงกลั่นและ Condensate มีปริมาตรมากกว่าความต้องการภายในประเทศดังรายละเอียดของอุปสงค์และอุปทานจำแนกตามชนิดของผลิตภัณฑ์น้ำมัน ได้แสดงไว้ในภาคผนวก ผ1 ซึ่งเป็นตัวเลขที่ประมวลจากรายงานสถิติพลังงานของประเทศไทย 2563 ปรากฎว่าอุปทานของน้ำมันดีเซล น้ำมันอากาศยาน และแอลพีจี น้อยกว่าอุปสงค์ดังที่ได้แสดงเป็นตัวเลขตัวเข้มในแถบสีไว้ แต่อย่างไรก็ตาม ผลิตภัณฑ์น้ำมันที่ผลิตภายในประเทศ ยังสูงกว่าความต้องการภายในประเทศ
ตารางที่ 1 อุปสงค์และอุปทานผลิตภัณฑ์น้ำมัน
หน่วย: บาร์เรล/วัน
ปี | ผลิตภายในประเทศ | นำเข้า | อุปทาน | ความต้องการภายในประเทศ | ส่งออก | อุปสงค์ |
2559 | 1,277,944 | 59,144 | 1,337,088 | 920,089 | 175,803 | 1,095,892 |
2560 | 1,337,907 | 66,791 | 1,404,697 | 945,404 | 199,898 | 1,145,302 |
2561 | 1,389,527 | 59,944 | 1,449,471 | 974,096 | 213,922 | 1,188,018 |
2562 | 1,335,915 | 104,118 | 1,440,033 | 993,621 | 165,603 | 1,159,224 |
2563 | 1,261,893 | 45,193 | 1,307,086 | 874,009 | 189,120 | 1,063,129 |
แหล่งที่มา: ประมวลจากรายงานสถิติพลังงานของประเทศไทย 2563 สำนักนโยบายและแผนพลังงาน
ดังนั้น จึงน่าพิจารณาทบทวนการใช้แนวคิด Import Parity ในการกำหนดราคา ณ โรงกลั่นในสถานการณ์ปัจจุบันของประเทศ ซึ่งมิได้นำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปเพื่อตอบสนองความต้องการในประเทศ ในปี 2563 ประเทศไทย มีโรงกลั่นทั้งหมด 7 โรง มีความสามารถในการกลั่นน้ำมันดิบทั้งหมด 1,244,500 บาร์เรล/วันดังรายละเอียดในตารางที่ 2 ขนาดโรงกลั่นน้ำมันแตกต่างกันมาก โรงกลั่นน้ำมัน RRC/PTTAR/PTTGC มีความสามารถในการกลั่นน้ำมันดิบมากสุด 280,000 บาร์เรล/วันคิดเป็นร้อยละ 22.50 ของความสามารถในการกลั่นน้ำมันดิบทั้งหมด รองลงมาคือโรงกลั่นน้ำมัน TOP มีความสามารถในการกลั่นน้ำมันดิบ 275,000 บาร์เรล/วันคิดเป็นร้อยละ 22.10 โรงกลั่นน้ำมันฝาง มีความสามารถในการกลั่นน้ำมันดิบน้อยที่สุด เพียง 2,500 บาร์เรล/วันคิดเป็นร้อยละ 0.20 เท่านั้น เทคโนโยโลยีในการกลั่นของโรงกลั่นแต่ละแห่งยังแตกต่างกันอีกด้วย ทำให้ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของโรงกลั่นน้ำมันแต่ละแห่งแตกต่างกันมากและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานในโรงกลั่น เป็นข้อมูลที่โรงกลั่นฯ ไม่ต้องการเปิดเผยเพราะเป็นความลับทางธุรกิจ จึงไม่สมควรใช้แนวคิด Cost Plus ในการกำหนดราคา ณ โรงกลั่นได้
ตารางที่ 2 ความสามารถในการกลั่นน้ำมันดิบ ปี 2563 จำแนกตามโรงกลั่น
โรงกลั่น | ความสามารถในการกลั่น (บาร์เรล/วัน) | ร้อยละ |
ESSO | 177,000 | 14.22 |
BCP | 120,000 | 9.64 |
TOP | 275,000 | 22.10 |
Fang | 2,500 | 0.20 |
TPI/IRPC | 215,000 | 17.28 |
RRC/PTTAR/PTTGC | 280,000 | 22.50 |
STAR Refinery | 175,000 | 14.06 |
รวม | 1,244,500 | 100.00 |
แหล่งที่มา: รายงานสถิติพลังงานของประเทศไทย 2563 สำนักนโยบายและแผนพลังงาน
เมื่อมีอุปสรรคในการใช้แนวคิด Cost Plus ในการกำหนดราคาน้ำมันสำเร็จรูป ณ โรงกลั่นได้ จึงน่าใช้แนวคิดราคาอ้างอิงเป็นราคา ณ โรงกลั่นโดยราคาอ้างอิง ต้องเป็นราคาที่กำหนดโดยอุปสงค์และอุปทานตามกลไกตลาดที่มีผู้ซื้อขายจำนวนมากจากประเทศต่าง ๆ มาดำเนินการซื้อขาย แต่ก่อนพิจารณาราคาอ้างอิงเป็นราคา ณ โรงกลั่น ควรพิจารณาโครงสร้างราคา ณ โรงกลั่นในปัจจุบันก่อน
แนวคิด Import Parity กำหนดให้ราคาน้ำมันสำเร็จรูป ณ โรงกลั่นในปัจจุบัน อยู่ในระดับเดียวกับราคาน้ำมันสำเร็จรูปที่นำเข้าจากประเทศสิงคโปร์ ประกอบด้วยราคาอ้างอิง ซึ่งเป็น Mean of PlattsSingapore (MOPS) และค่าพรีเมียม ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายในการปรับคุณภาพน้ำมันเพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานที่กรมธุรกิจพลังงานกำหนด และค่าใช้จ่ายในการนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปจากสิงคโปร์และการสำรองน้ำมันดิบ
จากรายงานประจำปี 2563 สำนักนโยบายและแผนพลังงาน ค่าพรีเมียม ประกอบด้วย
รายละเอียดการกำหนดราคาน้ำมัน ณ โรงกลั่น ได้แสงไว้ในภาคผนวก ผ2 ซึ่งสรุปได้ว่า
ราคาอ้างอิงในหลักเกณฑ์กำหนดราคา ณ โรงกลั่นตามรายละเอียดในภาคผนวก ผ2 เป็นราคา MOPS ซึ่งเป็นราคาซื้อขายในตลาด SIMEX เนื่องจาก
ตารางที่ 3 แหล่งน้ำมันดิบภายในประเทศและการนำเข้า
ปี | ภายในประเทศ | นำเข้า | รวม | |||||||||
แหล่งน้ำมัน | Condensate | ตะวันออกกลาง | ตะวันออกไกล | อื่น ๆ | ||||||||
บาร์เรล/วัน | ร้อยละ | บาร์เรล/วัน | ร้อยละ | บาร์เรล/วัน | ร้อยละ | บาร์เรล/วัน | ร้อยละ | บาร์เรล/วัน | ร้อยละ | บาร์เรล/วัน | ร้อยละ | |
2559 | 163,080 | 14.66 | 94,489 | 8.50 | 564,957 | 50.80 | 165,796 | 14.91 | 123,834 | 11.13 | 1,112,157 | 100.00 |
2560 | 141,348 | 12.32 | 98,572 | 8.59 | 559,564 | 48.79 | 180,668 | 15.75 | 166,778 | 14.54 | 1,146,930 | 100.00 |
2561 | 129,200 | 10.96 | 99,010 | 8.40 | 575,866 | 48.83 | 141,894 | 12.03 | 233,348 | 19.79 | 1,179,318 | 100.00 |
2562 | 125,889 | 11.61 | 102,332 | 9.44 | 490,788 | 45.26 | 126,436 | 11.66 | 239,018 | 22.04 | 1,084,463 | 100.00 |
2563 | 117,029 | 11.24 | 84,835 | 8.15 | 451,532 | 43.38 | 115,614 | 11.11 | 271,846 | 26.12 | 1,040,856 | 100.00 |
แหล่งที่มา: รายงานสถิติพลังงานของประเทศไทย 2563 สำนักนโยบายและแผนพลังงาน
ในแนวคิด Import Parity พรีเมียม เป็นองค์ประกอบหนี่งในโครงสร้างราคาน้ำมัน ณ โรงกลั่นในปัจจุบันของน้ำมันสำเร็จรูปทุกชนิด ยกเว้น น้ำมันเตา ตามรายละอียดในภาคผนวก ผ2 เป็นปัจจัยที่ทำให้ราคาน้ำมัน ณ โรงกลั่น สูงกว่าราคาอ้างอิง จึงควรพิจารณาแต่องค์ประกอบในพรีเมียมโดยละเอียดดังนี้
ค่าปรับคุณภาพน้ำมัน คงต้องมีอยู่เพราะคุณภาพน้ำมันในประเทศไทย แตกต่างจากคุณภาพน้ำมันในประเทศสิงคโปร์ หากเปลี่ยนการกำหนดราคา ณ โรงกลั่นจากแนวคิด Import Parity เป็นแนวคิดราคาอ้างอิง ค่าพรีเมียมจะไม่มีค่าขนส่ง ค่าประกันภัยและค่าสูญเสีย
ส่วนค่าสำรองน้ำมันเพื่อความมั่นคง ซึ่งในปัจจุบันได้เก็บในอัตราคงที่ 0.68 เหรียญ สรอ./บาร์เรลสำหรับน้ำมันเบนซินและ 0.45 เหรียญ สรอ./บาร์เรลสำหรับดีเซล และไม่ควรเป็นองค์ประกอบในโครงสร้างราคาน้ำมัน ณ โรงกลั่น ด้วยเหตุผลต่อไปนี้
ในปัจจุบัน ปริมาณสำรองน้ำมันดิบจะต้องอยู่ระดับร้อยละ 6 ของความต้องการน้ำมันดิบตามที่รัฐบาลกำหนด ปริมาณสำรองนี้ จะต้องนำออกมาใช้เมื่อได้สำรองไว้ในระยะเวลาหนึ่งเพื่อรักษาคุณภาพของน้ำมันดิบ และโรงกลั่นน้ำมัน จะต้องนำเข้าน้ำมันดิบมาชดเชยปริมาณน้ำมันสำรองที่ได้นำไปใช้ มูลค่าในการนำเข้าน้ำมันดิบมาชดเชยของโรงกลั่นน้ำมัน เท่ากับมูลค่าของน้ำมันดิบที่นำเข้าใหม่ลบด้วยมูลค่าตามบัญชีของน้ำมันดิบที่สำรองนำไปใช้ ซึ่งเป็นผลบวกของมูลค่าน้ำมันสำรอง ณ เวลาที่นำเข้า ค่าใช้จ่ายอื่นซึ่งเป็นค่าดอกเบี้ยของมูลค่าน้ำมันดิบสำรองและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานและบำรุงรักษาเกี่ยวกับการสำรอง มูลค่านี้ อาจเป็นรายจ่ายในกรณีที่ราคาน้ำมันดิบสูงขึ้นมากกว่าค่าใช้จ่ายอื่น หรืออาจเป็นรายได้ในกรณีที่ราคาน้ำมันดิบเปลี่ยนแปลงน้อยกว่าค่าใช้จ่ายอื่น ดังนั้น การสำรองน้ำมันดิบ จึงไม่ควรเป็นองค์ประกอบหนึ่งในค่าพรีเมียมซึ่งเป็นภาระของผู้ใช้น้ำมันอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน แต่ควรศึกษาวิธีการทางการเงิน (financing) ที่ใช้ในการเก็บสำรองน้ำมันเพื่อความมั่นคงในต่างประเทศ เช่น การระดมทุนจากสาธารณะ (Public Capitalization) การออกพันธบัตร (Debt Financing) การใช้เงินทุนของผู้นำเข้าน้ำมัน ฯลฯ ทั้งนี้เพราะการสำรองน้ำมัน อาจมีผลตอบแทนทางการเงินได้ หากสามารถบริหารการจัดหาน้ำมันดิบให้สอดคล้องกับการเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันดิบ
โดยสรุป ในกรณีที่โรงกลั่นมีกำลังการผลิตเกินความต้องการใช้นำมันในประเทศดังในตารางที่ 4 ราคาน้ำมันสำเร็จรูปที่โรงกลั่นควรเป็นราคาอ้างอิงที่ตลาดสิงค์โปร์ การคิดค่าพรีเมียม จึงควรมีเพียงค่าปรับคุณภาพน้ำมันเท่านั้น
ตารางที่ 4 อุปสงค์อุปทานผลิตภัณฑ์น้ำมัน
หน่วย:ล้านลิตร
ปี | ผลิตภายในประเทศ | นำเข้า | อุปทานรวม | อุปสงค์ภายในประเทศ | ส่งออก | อุปสงค์รวม |
2016 | 1,462,155 | 178,260 | 1,640,416 | 1,099,856 | 234,542 | 1,334,398 |
2017 | 1,516,484 | 184,952 | 1,701,436 | 1,117,808 | 260,682 | 1,378,490 |
2018 | 1,583,269 | 189,237 | 1,772,506 | 1,141,936 | 284,237 | 1,426,173 |
2019 | 1,557,263 | 233,770 | 1,791,034 | 1,165,928 | 224,059 | 1,389,987 |
2020 | 1,469,510 | 245,192 | 1,714,702 | 1,050,795 | 232,024 | 1,282,819 |
2021 | 1,435,057 | 314,233 | 1,749,291 | 1,057,138 | 247,330 | 1,304,468 |
ภายใต้ราคาน้ำมันดิบ 120 $/บาร์เรล และค่าขนส่งน้ำมัน สิงคโปร์-ศรีราชา ไป-กลับ 4.7 $/บาร์เรล ค่าพรีเมียมจะลดลงได้ 5.87 เหรียญ สรอ./บาร์เรล ซึ่งเท่ากับ 1.2189 บาท/ลิตร ที่อัตราแลกเปลี่ยน 33 บาท/เหรียญ สรอ. ดังรายละเอียดในตารางที่ 5 เมื่อรวมภาษีมูลค่าเพิ่ม ราคาน้ำมันสำเร็จรูปขายปลีก จะลดลง 1.3043 บาท/ลิตร
ตารางที่ 5 ค่าพรีเมียมที่ลดลงจากระบบราคาอ้างอิงที่สิงค์โปร์
รายการ | เหรียญ สรอ./บาร์เรล |
ราคาน้ำมันดิบ | 120 |
ค่าขนส่งน้ำมัน สิงคโปร์-ศรีราชาไป-กลับ | 4.71 |
C&F | 124.71 |
ค่าประกันร้อยละ 0.084 C&F | 0.10 |
ค่าสูญเสียร้อยละ 0.3 CIF | 0.37 |
ค่าสำรอง | 0.68 |
ค่าพรีเมียมที่ลดลง | 5.87 |
โครงสร้างราคาน้ำมันสำเร็จ ณ โรงกลั่น ตามที่ได้นำเสนอซึ่งกำหนดขึ้นบนพื้นฐานของราคาอ้างอิง MOPS โดยมีพรีเมียมเพียงค่าปรับคุณภาพน้ำมันเท่านั้น สามารถลดราคาขายปลีกน้ำมันสำเร็จรูปได้ 1.3043 บาท/ลิตร การกำหนดหลักเกณฑ์การคำนวณราคาน้ำมันสำเร็จรูป ณ โรงกลั่น เป็นอำนาจของคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน ดังเช่นที่เคยมีมติปรับปรุงหลักเกณฑ์การคำนวณราคา ณ โรงกลั่นของน้ำมันเบนซิน ในการประชุม กบง. ครั้งที่ 7/2562 เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2562 การปรับโครงสร้างราคา ณ โรงกลั่น มติการกำหนดหลักเกณฑ์การคำนวณราคา ณ โรงกลั่นของน้ำมันกลุ่มดีเซลหมุนเร็ว ในการประชุม กบง. ครั้งที่ 6/2563 (ครั้งที่ 20) เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2563 ดังนั้น การกำหนดหลักเกณฑ์การคำนวณราคา ณ โรงกลั่นของกลุ่มน้ำมันเบนซินและกลุ่มน้ำมันดีเซลหมุนเร็จตามโครงสร้างราคาน้ำมันสำเร็จ ณ โรงกลั่น ตามที่ได้นำเสนอ จึงสามารถกระทำได้ ซึ่งจะลดลง 1.3043 บาท/ลิตร ทำให้ลดภาระของผู้ใช้น้ำมันได้ประมาณปีละ 59,305 ล้านบาทต่อปี ซึ่งประมาณจากการใช้น้ำมันที่ไม่รวม แอลพีจี 45,470 ล้านลิตร ในปี 2562 ก่อนการระบาดโควิค 19
หากในช่วงวิกฤตพลังงานและเศรษฐกิจ ประเทศไทยลดมาตรฐานคุณภาพน้ำมันสำเร็จรูปเท่ากับคุณภาพน้ำมันในตลาด SIMEX ราคาน้ำมันสำเร็จรูป ณ โรงกลั่น จะลดลงมาเท่ากับราคา MOPS โดยไม่มีค่าปรับคุณภาพน้ำมัน ซึ่งจะทำให้ราคาน้ำมันเบนซินออกเทน 95 ลดลง 2.05 เหรียญ สรอ./บาร์เรล ซึ่งเท่ากับ 0.4255 บาท/ลิตร ราคาน้ำมันเบนซินแก๊สโซฮอล 95 ลดลง 1.57 เหรียญ สรอ./บาร์เรล ซึ่งเท่ากับ 0.3259 บาท/ลิตร อัตราแลกเปลี่ยนที่ใช้ คือ 33 บาท/เหรียญ สรอ. ทำให้ราคาขายปลีกของน้ำมันเบนซินออกเทน 95 ลดลง 1.3043 +1.070.4255 = 1.7596 บาท/ลิตร และราคาขายปลีกของน้ำมันเบนซินแก๊สโซฮอล 95 ลดลง 1.3043 +1.070.3259 = 1.6530 บาท/ลิตร ส่วนราคากลุ่มเบนซินแก๊สโซฮอลอื่น ราคาขายปลีกลดลง 1.3043 บาท/ลิตร คงเดิม เพราะค่าปรับคุณภาพน้ำมันสำหรับเบนซินแก๊สโซฮอล 91 และเบนซินแก๊สโซฮอล E20 มีค่า -0.63 เหรียญ สรอ./บาร์เรลตามมติ กบง. ครั้งที่ 2/2563 (ครั้งที่ 16) เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2563 ส่วนเบนซินแก๊สโซฮอล E85 ไม่มีค่าปรับคุณภาพน้ำมัน ส่วนราคาขายปลีกกลุ่มน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว ก็ลดลง 1.3043 บาท/ลิตร คงเดิม เพราะไม่มีค่าปรับคุณภาพน้ำมัน
ภาคผนวก ผ.1
อุปสงค์และอุปทานผลิตภัณฑ์น้ำมันจำแนกตามชนิดผลิตภัณฑ์
แหล่งที่มา: รายงานสถิติพลังงานของประเทศไทย 2563 สำนักนโยบายและแผนพลังงาน
หมายเหตุ: ตัวเลขตัวเข้มในแถบสีในตารางในภาคผนวกนี้ เป็นกรณีที่อุปทานน้อยกว่าอุปสงค์
ตารางที่ ผ1.1 อุปสงค์และอุปทานของน้ำมันเบนซิน
หน่วย: บาร์เรล/วัน
ปี | ผลิตภายในประเทศ | นำเข้า | อุปทาน | ความต้องการภายในประเทศ | ส่งออก | อุปสงค์ |
2559 | 308,424 | 26,659 | 335,083 | 182,304 | 24,109 | 206,412 |
2560 | 217,616 | 30,429 | 248,045 | 189,079 | 27,906 | 216,985 |
2561 | 226,879 | 27,017 | 253,896 | 195,315 | 29,455 | 224,770 |
2562 | 225,487 | 38,689 | 264,176 | 202,485 | 21,113 | 223,598 |
2563 | 223,738 | 24,212 | 247,950 | 199,490 | 25,176 | 224,666 |
ตารางที่ ผ1.2 อุปสงค์และอุปทานของน้ำมันแก๊ส
หน่วย: บาร์เรล/วัน
ปี | ผลิตภายในประเทศ | นำเข้า | อุปทาน | ความต้องการภายในประเทศ | ส่งออก | อุปสงค์ |
2559 | 38,205 | – | 38,205 | 190 | 461 | 651 |
2560 | 33,944 | – | 33,944 | 133 | 213 | 346 |
2561 | 36,941 | – | 36,941 | 132 | 83 | 215 |
2562 | 35,319 | – | 35,319 | 130 | 34 | 164 |
2563 | 28,478 | – | 28,478 | 111 | 140 | 252 |
ตารางที่ ผ1.3 อุปสงค์และอุปทานของน้ำมันดีเซล
หน่วย: บาร์เรล/วัน
ปี | ผลิตภายในประเทศ | นำเข้า | อุปทาน | ความต้องการภายในประเทศ | ส่งออก | อุปสงค์ |
2559 | 426,950 | 14,244 | 441,194 | 389,554 | 82,656 | 472,209 |
2560 | 454,308 | 14,011 | 468,319 | 401,106 | 90,378 | 491,484 |
2561 | 466,269 | 100,328 | 566,597 | 406,991 | 95,341 | 502,331 |
2562 | 441,806 | 40,905 | 482,711 | 424,167 | 65,074 | 489,241 |
2563 | 474,393 | 952 | 475,345 | 411,727 | 98,910 | 510,636 |
ตารางที่ ผ1.4 อุปสงค์และอุปทานของน้ำมันอากาศยาน
หน่วย: บาร์เรล/วัน
ปี | ผลิตภายในประเทศ | นำเข้า | อุปทาน | ความต้องการภายในประเทศ | ส่งออก | อุปสงค์ |
2559 | 113,058 | 1,513 | 114,571 | 111,150 | 9,554 | 120,704 |
2560 | 119,834 | 839 | 120,673 | 116,194 | 13,068 | 129,261 |
2561 | 130,124 | 970 | 131,094 | 122,269 | 17,388 | 139,658 |
2562 | 122,498 | 6,560 | 129,058 | 123,261 | 14,364 | 137,625 |
2563 | 51,750 | 2,494 | 54,244 | 47,171 | 11,783 | 58,954 |
ตารางที่ ผ1.5 อุปสงค์และอุปทานของน้ำมันเตา
หน่วย: บาร์เรล/วัน
ปี | ผลิตภายในประเทศ | นำเข้า | อุปทาน | ความต้องการภายในประเทศ | ส่งออก | อุปสงค์ |
2559 | 97,359 | 2,061 | 99,420 | 39,151 | 55,923 | 95,074 |
2560 | 101,290 | 1,016 | 102,306 | 36,584 | 60,661 | 97,245 |
2561 | 103,036 | 158 | 103,194 | 38,113 | 59,429 | 97,542 |
2562 | 94,434 | 421 | 94,855 | 34,226 | 55,470 | 89,696 |
2563 | 81,630 | 399 | 82,028 | 30,398 | 45,182 | 75,581 |
ตารางที่ ผ1.6 อุปสงค์และอุปทานของแอลพีจี
หน่วย: บาร์เรล/วัน
ปี | ผลิตภายในประเทศ | นำเข้า | อุปทาน | ความต้องการภายในประเทศ | ส่งออก | อุปสงค์ |
2559 | 182,984 | 14,502 | 197,486 | 195,206 | 2,614 | 197,820 |
2560 | 193,250 | 20,494 | 213,744 | 202,263 | 7,669 | 209,932 |
2561 | 199,348 | 21,765 | 221,113 | 211,247 | 12,217 | 223,464 |
2562 | 190,832 | 17,540 | 208,372 | 209,324 | 9,544 | 218,867 |
2563 | 174,898 | 17,011 | 191,909 | 182,680 | 7,403 | 190,083 |
ภาคผนวก ผ2
หลักเกณฑ์การกำหนดราคา ณ โรงกลั่นตามแนวคิด Import Parity
แหล่งที่มา: รายงานประจำปี 2563 สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน
หลักเกณฑ์การกำหนดราคาน้ำมันเบนซินและราคาน้ำมันแก๊สโซฮอล ณ โรงกลั่น
ราคาอ้างอิงน้ำมันเบนซินออกเทน 95 เป็นราคา MOPS ของน้ำมันเบนซินออกเทน 95 ที่ 60 องศาฟาเรนไฮต์
ราคาอ้างอิงน้ำมันเบนซินออกเทน 91 เป็นราคา MOPS ของน้ำมันเบนซินออกเทน 91 Non-Oxy ที่ 60 องศาฟาเรนไฮต์
ราคาอ้างอิงน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว เป็นค่าเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของราคา MOPS ของGasoil 10 ppm และ Gasoil 500 ppm ที่ 60 องศาฟาเรนไฮต์ด้วยน้ำหนัก 0.9184 และ 0.0816 ตามลำดับ
ราคาน้ำมันเบนซิน 95 ณ โรงกลั่น (บาท/ลิตร) เท่ากับ (ราคาอ้างอิงน้ำมันเบนซินออกเทน 95 บวกค่าพรีเมียมโดยค่าปรับคุณภาพน้ำมันตามประกาศกรมธุรกิจพลังงาน)อัตราแลกเปลี่ยน/158.984
ราคาน้ำมันแก๊สโซฮอล 95 ณ โรงกลั่น เท่ากับ[(1-X1)ราคาอ้างอิงน้ำมันเบนซินออกเทน 95 บวกค่าพรีเมียมโดยค่าปรับคุณภาพน้ำมันตามประกาศกรมธุรกิจพลังงาน+ ค่าผสม Y1 เหรียญ สรอ.]อัตราแลกเปลี่ยน/158.984+X1ราคาเอทานอล
ราคาน้ำมันแก๊สโซฮอล 91 ณ โรงกลั่น เท่ากับ[(1-X2)ราคาอ้างอิงน้ำมันเบนซินออกเทน 91 บวกค่าพรีเมียมโดยค่าปรับคุณภาพน้ำมันตามประกาศกรมธุรกิจพลังงาน+ ค่าผสม Y2 เหรียญ สรอ.]อัตราแลกเปลี่ยน/158.984+X2ราคาเอทานอล
ราคาน้ำมันแก๊สโซฮอล E20 ณ โรงกลั่น เท่ากับ[(1-X3)ราคาอ้างอิงน้ำมันเบนซินออกเทน 91 บวกค่าพรีเมียมโดยค่าปรับคุณภาพน้ำมันตามประกาศกรมธุรกิจพลังงาน+ ค่าผสม Y3 เหรียญ สรอ.]อัตราแลกเปลี่ยน/158.984+X3ราคาเอทานอล
ราคาน้ำมันแก๊สโซฮอล E85 ณ โรงกลั่น เท่ากับ[(1-X4)ราคาอ้างอิงน้ำมันเบนซินออกเทน 91 บวกค่าพรีเมียมโดยค่าปรับคุณภาพน้ำมันตามประกาศกรมธุรกิจพลังงาน]อัตราแลกเปลี่ยน/158.984+X4ราคาเอทานอล
เมื่อ
X1 คือสัดส่วนโดยปริมาตรเอทานอลแปลงสภาพอัตราต่ำของน้ำมันแก๊สโซฮอล 95 ตามประกาศของกรมธุรกิจพลังงาน
X2 คือสัดส่วนโดยปริมาตรเอทานอลแปลงสภาพอัตราต่ำของน้ำมันแก๊สโซฮอล 91 ตามประกาศของกรมธุรกิจพลังงาน
X3 คือสัดส่วนโดยปริมาตรเอทานอลแปลงสภาพอัตราต่ำของน้ำมันแก๊สโซฮอล E20 ตามประกาศของกรมธุรกิจพลังงาน
ค่าผสม Y1, Y2 และ Y3 ให้เป็นไปตามประกาศของกรมธุรกิจพลังงาน ซึ่งในปัจจุบันมีค่าเท่ากับ 0
ราคาอ้างอิงน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว เท่ากับ ค่าเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของราคา MOPS Gasoil 10 ppm และราคา MOPS Gasoil 500 ppm ด้วยน้ำหนัก 0.9184 และ 0.0816 ตามลำดับ
ราคาน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว ณ โรงกลั่น (บาท/ลิตร) เท่ากับ (1-X) (ราคาอ้างอิงน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว + พรีเมียมโดยไม่มีค่าปรับน้ำมัน) อัตราแลกเปลี่ยน/158.984+ X ราคาไบโอดีเซลประเภทเมทิลเอสเตอร์ของกรดไขมัน
เมื่อ X คือสัดส่วนโดยปริมาตรของราคาไบโอดีเซลประเภทเมทิลเอสเตอร์ของกรดไขมันอัตราเฉลี่ยของน้ำมันดีเซลหมุนเร็วตามประกาศของกรมธุรกิจพลังงาน
ราคาอ้างอิงน้ำมันเตา 600 (2% Sulphur)t เท่ากับ ค่าเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของราคา AFO180 cst (2% Sulphur)t และราคา MOPS Gasoil 50 ppm ด้วยน้ำหนัก 0.836 และ 0.164 ตามลำดับ ราคา AFO180 cst (2% Sulphur)tเป็นราคาถ่วงน้ำหนักของ FO180cstt-1 และ FO180cstt-2 ด้วยน้ำหนัก 2/3 และ 1/3 ตามลำดับ และราคา FO180cstt เป็นค่าเฉลี่ยของราคาต่ำสุดและสูงสุดของวัน
ราคาน้ำมันเตา 600 (2% Sulphur) ที่ 86 องศาฟาเรนไฮต์ ณ โรงกลั่น (บาท/ลิตร) เท่ากับราคาอ้างอิงน้ำมันเตา 600 (2% Sulphur)t ที่ 60 องศาฟาเรนไฮต์ 0.9896 อัตราแลกเปลี่ยน/158.984
ราคาอ้างอิงน้ำมันเตา 1500 (2% Sulphur) เท่ากับ ราคา AFO180 (2% Sulphur)
ราคาน้ำมันเตา 1500 (2% Sulphur) ที่ 86 องศาฟาเรนไฮต์ ณ โรงกลั่น (บาท/ลิตร) เท่ากับราคาอ้างอิงน้ำมันเตา 1500 (2% Sulphur) ที่ 60 องศาฟาเรนไฮต์ 0.9896อัตราแลกเปลี่ยน/158.984
เป็นที่น่าสังเกตุว่า ราคาน้ำมันเตา ณ โรงกลั่น ทั้ง 2 ชนิด ไม่มีค่าพรีเมียมใด ๆ เลย