Coconut farm becomes an organic success

“BCG พอเพียง” Series EP:9 อะโรแมติก ฟาร์ม A Coconut Farm Becomes An Organic Success อำเภอดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี

โดย ดร.ปรียานุช ธรรมปิยา ที่ปรึกษาศูนย์ศึกษาการพัฒนาที่ยั่งยืนและเศรษฐกิจพอเพียง

          สวนมะพร้าวน้ำหอมอินทรีย์ ต้นแบบการจัดการเกษตรยั่งยืนด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะ สร้างโมเดลธุรกิจบนหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และ BCG โมเดล โดยประยุกต์ใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นควบคู่กับเทคโนโลยีสมัยใหม่ในการปลูกพืชที่เป็นทรัพยากรหมุนเวียน จนประสบความสำเร็จทั้งด้านรายได้และรางวัลมากมาย

จุดเริ่มต้น 

      Aromatic Farm สตาร์ทอัพสวนมะพร้าวน้ำหอมอินทรีย์ขนาดเล็ก ที่เริ่มต้นในปี 2561 จนเป็นต้นแบบของความยั่งยืนพร้อมกับสร้างเครือข่ายเกษตรกรอินทรีย์ ด้วยการเป็นศูนย์การเรียนรู้ที่มีสถานีการเกษตร 9 แห่งที่แตกต่างกัน การใช้เทคโนโลยีในการติดตามต้นไม้แต่ละต้น การจัดการขยะที่ถูกนำไปรีไซเคิล จนถึงการควบคุมสัตว์รบกวน ในลักษณะที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม จนคว้ารางวัล BCG Business Award ปี 2564 ในงาน Thailand Top SME Awards  

เส้นทางแห่งการเรียนรู้และไม่ย่อท้อ

     การทำฟาร์มออร์แกนิกไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะไม่ได้ให้ผลลัพธ์อย่างรวดเร็ว แต่สำหรับนวลละออ เชิดเกียรติกุล ยิ่งยากขึ้นไปอีก เนื่องจากฟาร์มดั้งเดิมตั้งอยู่ท่ามกลางสวนมะพร้าวหลายร้อยไร่ที่พึ่งพาสารเคมี เธอจึงเริ่มต้นจากกำจัดวัชพืชด้วยมือ บำรุงดินด้วยปุ๋ยหมัก กำจัดแมลงศัตรูพืชโดยใช้แตนเบียน และเลี้ยงผึ้งเพื่อผสมเกสรดอกมะพร้าว เธอใช้เวลา 3 ปีในการสร้างฟาร์มปลอดสารเคมีตามหลักปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี (GAP) โดยเรียนรู้จากเพื่อนบ้านที่คอยให้คำแนะนำเทคนิคต่างๆ “แต่ละครัวเรือนมีเทคนิคที่แตกต่างกัน บางคนถนัดงานบำรุงดิน บางคนมีวิธีผสมเกสรดอกมะพร้าวโดยใช้ผึ้งต่อย คนอื่นเชี่ยวชาญในการทำปุ๋ยชีวภาพจากเศษอาหาร การทำเกษตรอินทรีย์ต้องมีความมุ่งมั่นและมีวินัย และต้องคำนึงถึงแนวคิดเศรษฐกิจรีไซเคิลในทุกขั้นตอน” 

ขยายผลด้วยการสร้างเครือข่าย

     เกษตรกรมักเข้าใจผิดว่าการเปลี่ยนจากเกษตรเคมีแบบเก่าไปสู่วิธีการแบบอินทรีย์จะทำให้ผลผลิตลดลงและกำไรลดลง แต่แท้ที่จริงแล้ว ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงเป็นเพียงช่วงสั้นๆ “จากสถิติที่รวบรวมพบว่าแม้ว่าผลผลิตมะพร้าวจากฟาร์มที่ใช้เคมี 5,000 ลูก ลดลงเหลือ 4,500 ลูก หลังจากที่นำแนวทางปฏิบัติ GAP มาใช้แล้ว และเหลือ 4,200 ลูกในปีแรกของการเป็นฟาร์มอินทรีย์ แต่ภายในสามปี มะพร้าวเพิ่มขึ้นเป็น9,000 ต้น หรือมากกว่าร้อยละ 80 และยังได้ราคาสูงขึ้นด้วย” นวลละอออธิบาย 

     เธอใช้ฐานความสำเร็จนี้สร้างเครือข่ายเกษตรกรในพื้นที่โดยรอบ โดยรวบรวมเครือข่ายสวนมะพร้าว 34 แห่ง รวมพื้นที่สวนมะพร้าว 1,020 ไร่ จนทำให้พื้นที่แห่งนี้มีชื่อเสียงในฐานะศูนย์กลางของมะพร้าวน้ำหอม และเธอยังนำรูปแบบโครงการหลวงในการรับซื้อสินค้าคุณภาพในราคาสูงกว่าท้องตลาดมาใช้เพื่อส่งเสริมให้เกษตรกรตระหนักว่าหากเปลี่ยนจากการทำเกษตรเคมีมาเป็นเกษตรอินทรีย์แล้ว จะมีรายได้เพิ่มขึ้นและได้เงินเร็วขึ้นเมื่อเทียบกับการส่งผลไม้ไปขายที่อื่น

#SDG8 #SDG12 #SDG15

#SuDSESC #Nida  #NIDAThailand

ท่านใดสนใจรายละเอียด สามารถอ่านเพิ่มเติมจากบทความต้นฉบับภาษาอังกฤษ “Thailand’s BCG Transformation: 40 Case Studies on the Bio-Circular-Green Strategy and the Sufficiency Economy Philosophy In Action” หน้า 62-67 ข้างล่างได้เลยค่ะ