โดย ดร.ปรียานุช ธรรมปิยา
ที่ปรึกษาศูนย์ศึกษาการพัฒนาที่ยั่งยืนและเศรษฐกิจพอเพียง
โมเดลธุรกิจเกื้อกูลสังคมบนฐานการขับเคลื่อนสังคมเกษตรอินทรีย์และการค้าที่เป็นธรรม มุ่งแก้ไขปัญหาระบบอาหารไม่สมดุล ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาวะ สิ่งแวดล้อม สังคมและเศรษฐกิจของประเทศ โดยการส่งเสริมให้ชีวิตเกษตรกรดีขึ้นด้วยวิถีเกษตรอินทรีย์ ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน การเชื่อมโยงเกษตรกรกับตลาดพืชผักปลอดภัย บูรณาการห่วงโซ่คุณค่าให้เกิดความสมดุล และนำไปสู่การท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม
จุดเริ่มต้น
คุณอรุษ นวราช ทายาทรุ่นที่ 3 ของรีสอร์ตธุรกิจครอบครัวบนพื้นที่ 130 ไร่ ที่เปิดให้บริการตั้งแต่ปี 2505 ได้รับแรงบันดาลใจจาก “เศรษฐกิจพอเพียง” มาพลิกโฉมสวนสามพราน ด้วยการรีแบรนด์และเปิดตัวใหม่ในปี 2553 เป็นสามพรานโมเดล – แหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศที่เป็นศูนย์กลางของเครือข่ายเกษตรอินทรีย์ และลูกค้ายังสามารถสัมผัสวัฒนธรรมไทยแบบดั้งเดิม สถาปัตยกรรมท้องถิ่น และเพลิดเพลินกับอาหารที่ปรุงด้วยวัตถุดิบออร์แกนิกที่สดใหม่ เป็น win-win-win โมเดลที่ช่วยให้เกษตรกรหลุดพ้นจากหนี้สิน ผู้บริโภคมีสุขภาพที่ดี และธุรกิจบริการที่ทันต่อยุคสมัย ผ่านตลาดเกษตรอินทรีย์ และแอพมือถือ TOCA ที่เชื่อมโยงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียบนห่วงโซ่อาหารเข้าด้วยกัน
มุ่งสู่ Bio-Circular-Green Economy
ในปัจจุบัน เกษตรกรไทยส่วนใหญ่มีภาระหนี้สินจำนวนมากจากการใช้สารเคมีเพื่อกระตุ้นการผลิต เป็นหนี้ค่าปุ๋ย ยาฆ่าแมลง และยาฆ่าวัชพืช ซึ่งทำลายทั้งสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของเกษตรกร การพยายามชำระหนี้กดดันให้เกษตรกรขายผลผลิตให้กับพ่อค้าคนกลางในราคาต่ำเพื่อแลกกับเงินสดอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ร้านอาหาร ซูเปอร์มาร์เก็ต และโรงแรมรับซื้อผลิตผลที่ปนเปื้อนสารเคมี ส่งผลให้ผู้บริโภคและนักท่องเที่ยวที่อยู่ล่างสุดของห่วงโซ่อาหารกินผักและผลไม้ที่ปนเปื้อนซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพ
สามพรานโมเดลจึงมีเป้าหมายระยะยาวคือการปฏิรูปห่วงโซ่อุปทานของอาหารให้เป็นธรรม เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และส่งผลดีต่อสุขภาพของคนในสังคม เริ่มจากการสร้างเครือข่ายที่เชื่อมโยงผู้ผลิตเกษตรอินทรีย์กับธุรกิจที่เรียกว่า HORECA ทั้งโรงแรม ร้านอาหารและจัดเลี้ยง เครือข่ายเหล่านี้ติดต่อกับผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพในสถานที่ต่างๆ เช่น ตลาดสุขใจ “เมื่อชุมชนเกษตรอินทรีย์มีตลาดสำหรับผลิตภัณฑ์ของตน ซึ่งเป็นสถานที่นัดพบของเกษตรกรและผู้บริโภค ก็จะเกิดพันธมิตรทางธุรกิจบนพื้นฐานความไว้ใจซึ่งกันและกัน และการค้าที่เป็นธรรมตามมา” คุณอรุษอธิบาย นอกจากนี้ สามพรานโมเดลยังนำผู้ผลิตเกษตรอินทรีย์มารวมกับธุรกิจ MICE (การประชุม สิ่งจูงใจ การประชุมและนิทรรศการ) ปัจจุบัน โรงแรม 19 แห่งและศูนย์แสดงสินค้า 3 แห่งซื้อผลิตผลเกษตรอินทรีย์ 300 ตันผ่านเครือข่ายนี้ต่อปี ความร่วมมือดังกล่าวขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นระบบตลอดทั้งห่วงโซ่อุปทาน และสร้างอนาคตที่ยั่งยืนสำหรับชุมชนเกษตรอินทรีย์
SDG1 #SDG12 #SDG15 #SuDSESC #Nida #NIDAThailand
ท่านใดสนใจรายละเอียด สามารถอ่านเพิ่มเติมจากบทความต้นฉบับภาษาอังกฤษ “Thailand’s BCG Transformation: 40 Case Studies on the Bio-Circular-Green Strategy and the Sufficiency Economy Philosophy In Action” หน้า 40-45 ข้างล่างได้เลยค่ะ





